ดอลล์แข็งค่ารับตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯพุ่งหนุนเฟดขึ้นดบ.

ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบสกุลเงินหลักอื่นๆเมื่อคืนนี้ (6 พ.ย.) หลังจากมีการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งทำให้มีแนวโน้มมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ภายในปีนี้


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.0747 ดอลลาร์สหรัฐ จาก 1.0883 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่เงินปอนด์ลดลงที่ 1.5043 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.5213 ดอลลาร์สหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 123.21 เยน จาก 121.69 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 1.0062 ฟรังก์ จาก 0.9952 ฟรังก์ ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียปรับลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.7042 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7143 ดอลลาร์

กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 271,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2557 ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง หรือนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2551 จาก 5.1% ในเดือนก.ย. ก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และอัตราการว่างงานจะอยู่ที่ระดับ 5.0%

ข้อมูลจ้างงานที่สดไสได้หนุนกระแสคาดการณ์ของตลาดที่ว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับความคิดเห็นของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟดในช่วงที่ผ่านมา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเมื่อเร็วๆ นี้ในเรื่องนโยบายการเงิน โดยนางเยลเลนกล่าวแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 15-16 ธ.ค. พร้อมกล่าวเสริมว่า เดือนธ.ค.เป็นช่วงเวลาที่มีความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวน่าพอใจ

ขณะเดียวกัน นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานเฟด สาขาชิคาโก กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐในเดือนต.ค.ถือเป็นตัวเลขที่ดี และถือเป็นข่าวดีที่จะสนับสนุนมุมมองของเขาสำหรับปี 2559 แม้เขาระบุว่า ยังคงมีความไม่แน่นอนที่ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสามารถปรับตัวกลับไปอยู่ที่ระดับเป้าหมายของเฟดที่ 2% ภายในช่วงเวลาที่เหมาะสมได้หรือไม่

Back to top button