“ปริญญ์” มั่นใจ “คลินตัน” ชนะ “ทรัมป์” แน่นอน! มองเฟดยังไม่ขึ้นดบ.ในเดือนหน้า

"ปริญญ์" มั่นใจ "คลินตัน" ชนะ "ทรัมป์" แน่นอน! คาดหาก ฮิลลารี คลินตัน เข้ามาเป็นประธานาธิบดี จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นไทย พร้อมมองเฟดยังไม่ขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า


นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซีแอลเอสเอ (ประเทศไทย) เปิดเผยผ่านรายการ ข่าวหุ้นเจาะตลาด ออนเรดิโอ ทาง FM 98.5 MHz สถานีข่าวจริง สปริงเรดิโอ ช่วงเวลา 9.30-11.00 น. ว่าการโต้วาทีครั้งที่ 2 ในช่วงเช้าวันนี้ ระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน มีรายละเอียดดังนี้

ตลาดหุ้น ณ ตอนนี้สถานการณ์น่าเป็นห่วงมากน้อยขนาดไหนครับ ?

“ผมคิดว่าตลาดหุ้นในแต่ละวัน มันก็มีเหตุผลมีข่าวที่คนอยากจะสร้างข่าวลือทั้งที่เป็นเรื่องไม่จริงหลายครั้งแล้ว ซึ่งทำให้ตลาดมีการแกว่งแรง ซึ่งผมคิดว่าตลาดแกว่งไม่ว่าจะขึ้นหรือลง บางทีมันเป็นโอกาสมากกว่า เพราะถ้าเรามองตามปัจจัยของหุ้นแต่ละตัวในช่วงนี้และเราได้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในการลงทุนระยะยาวระหว่างกองทุนทุนหลายๆกองทุนในต่างประเทศ ซึ่งเขาก็หาโอกาสที่จะเข้ามาซื้อหุ้นไทยเรา แต่บางตัวที่เขาชอบอาจจะไม่ถูกแล้ว เพราะว่าปีนี้หุ้นไทยได้ปรับตัวขึ้นมามากกว่าที่ทุกคนคาดไว้ค่อนข้างเยอะ เพราฉะนั้นในภาวะที่หุ้นขึ้นมาเยอะแล้วก็อาจจะมีการปรับตัว บางวันลงแรงเกิน บางวันก็ขึ้นโอเวอร์เกิน ผมคิดว่ามันเป็นสิ่งนึงที่เราต้องเจอและยังต้องเจอต่อไปเรื่อยๆ คงไม่ใช่แค่วันนี้วันเดียว เพราะว่าผมเชื่อว่าทุกคนก็รู้ว่าหุ้นจะผันผวนมากในช่วงนี้ครับ”

การดีเบตเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ จากการโต้วาทีในเช้าวันนี้ แนวโน้มทิศทางต่อไปจะเป็นอย่างไรบ้าง ?

“ตอนแรกที่คุณโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาดีเบตในช่วงเช้าวันนี้ เขาต้องการปิดจุดตรงที่เขาไปพูดจาไม่ดีในเรื่องผู้หญิง ตรงนี้ผมคิดว่าเขาก็พยายามทำให้ประเด็นมีการฉีกแนวเปลี่ยนเรื่องไป และผมคิดว่าเขาทำได้ดีกว่าดีเบตในครั้งแรก อย่างน้อยครั้งนี้เขาพยานมเน้นในเรื่องที่ฮิลลารี คลินตัน ทำผิดกฎหมายมาพูด เช่น แอบลบอีเมล์ที่มีความสำคัญ และแอบใช้อำนาจของสามีตัวเองไปคุยกับทนายความของภาครัฐ ทำให้รอดจากการขึ้นศาล ซึ่งผมคิดว่าดีเบตวันนี้อาจจะไม่ได้เปลี่ยนความรู้สึกของคนอเมริกามากนัก ผมว่าปัญหาเรื่องที่คนกังวลว่าโดนัลด์ ทรัมป์ จะเสียหรือไม่เสียภาษี หรือการที่เขาพูดจาดูถูกเพศผู้หญิง ก็ทำให้เขาเสียคะแนนไปเยอะ อาจจะยากที่เขาจะตามกลับมาได้”

กลยุทธ์ที่วันนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ใช้คือใช้กลยุทธ์ในแง่ของการเบี่ยงประเด็นจากการที่ตัวเองกำลังโดนโจมตีก็พลิกเป็นกลับมาโจมตี ฮิลลารี ซึ่งในภาพรวมคุณปริญญ์มองว่าสถานการณ์ยังไม่เปลี่ยนโดย ฮิลลารี น่าจะยังถือไพ่ที่เหนือกว่าอยู่ใช่ไหมครับ ?

“ครับ ถ้าให้เลือกตั้งวันนี้เลย ผมคิดว่า ฮิลลารี ยังชนะอยู่ แต่ผมคิดว่าแม้กระทั่ง 1 วัน ก็เป็นระยะเวลาที่ยาวเกินไปสำหรับนักการเมืองแล้ว เพราะฉะนั้นอีกตั้ง 30 กว่าวัน กว่าจะเลือกตั้ง ผมคิดว่ายังมีโอกาสที่จะมีข่าวเรื่องอื่น มีคำพูดอื่นๆของทั้งคู่ ที่อาจจะเปลี่ยนใจ เพราะรอบนี้เป็นการเลือกตั้งที่ไม่ปกติ เพราะหลายคนในอเมริกาเขาอยู่ในสภาวะ 8 ปีที่มีพรรคเดโมแครตเป็นรัฐบาล และปกติพรรคที่เป็นรัฐบาลจะเสียเปรียบได้ ถ้าตัวเองทำนโยบายเศรษฐกิจหรือนโยบายที่จะช่วยขจัดความเหลื่อมล้ำทางสังคมแล้วออกมาไม่ดี อย่างไรก็ดีมีนักวิเคราะห์ทางการเมืองที่เก่งมากคนนึงของอเมริกาที่ทายผลการเลือกตั้ง 12 ครั้งถูกหมดเลย ซึ่งครั้งนี้เขาทายว่า คุณโดนัลด์ ทรัมป์ จะชนะซึ่งเขาใช้สถิติดูว่าพรรคเดโมแครตตอนนี้ ค่อนข้างดำเนินนโยบายที่ผิดพลาดหลายทาง และประชาชนไม่ค่อยชอบนโยบายดังกล่าวด้วยซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับคุณคลินตัน”

ในเชิงของคนอเมริกาเอง ถ้าดูตามสถิติอาจจะไมได้ชอบ ทรัมป์ แต่ก็ไม่ได้ชอบทางกลุ่มของ คลินตัน ใช่ไหมครับ ?

“ถูกต้องครับ และมาในรอบนี้มีแรงต่อต้านการเมืองอาชีพ ซึ่งเป็นกลุ่มของคนที่ทำการเมืองตลอดชีวิต คุณคลินตันก็เป็นนักการเมืองมา 30 ปี สามีก็เคยเป็นประธานาธิบดีมาแล้ว และ ณ วันนี้คนอเมริการู้สึกมีความไม่พอใจกับชีวิตความเป็นอยู่ ตรงนี้จึงทำให้มีเสียงต่อต้านหรือไม่พอใจ”

ดูแล้วในเรื่องสหรัฐอเมริกาตอนนี้ ตลาดทุนบ้านเราจะชอบแบบไหนมากกว่ากันระหว่าง ฮิลลารี คลินตัน และ โดนัลด์ ทรัมป์ ?

ถ้าในแง่ของตลาดทุนหรือตลาดหุ้นบ้านเรา น่าจะตอบรับกับผลที่ฮิลลารี คลินตัน เข้ามาเป็นประธานาธิบดี ดีกว่า ทรัมป์แน่นอนครับ เพราะผมคิดว่าทรัมป์หลายๆคนกลัวและยังไม่รู้ว่าจะทำจริงแบบที่เขาพูดไหม แม้ว่าบางเรื่องที่เขาพูดมันแรงมาก แต่หลายๆคนหวังว่าคงไม่ทำขนาดนั้น เพราะถ้าทำถึงขนาดนั้นการค้าโลกจะโตช้ากว่าที่หลายๆคนคาดการณ์ไว้ และอาจจะมีการถึงขั้นปลดขั้วธนาคารกลางหรือว่าเฟด อย่างที่ทรัมป์เคยพูดชัดเจนไว้ว่าเฟดมีเรื่องการเมืองเข้ามาแทรกแซงมากเกินไป คำพูดหลายๆอย่างที่เขาพูดถึงเยลเบน อาจจะทำให้นโยบายต่างๆของเฟดมีความสั่นคลอนได้ เพราฉะนั้นถ้าทรัมป์ชนะ หุ้นอาจจะกลัวและลงไปก่อน แต่อีกมุมนึงถ้าทรัมป์เป็นทางเฟดหรือธนาคารกลางอาจจะขึ้นดอกเบี้ยไมได้ในปีนี้ ก็แปลว่าสภาพคล่องอาจจะไหลกลับเข้ามาบ้านเรามากขึ้น อาจจะเป็นผลดีในระยะกลาง ในแง่ของ Fund Flow ที่จะไหลกลับเข้ามาในตลาดบ้านเรามากขึ้น

โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาเยอะ ซึ่งดูในระยะยาวหากการเข้ามาบริหารประเทศสหรัฐอเมริกาในฐานะของประธานาธิบดีจริงๆ มีโอกาสไหมว่าเศรษฐกิจของสหรัฐจะพลิกฟื้นกลับมาเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนได้อีกครั้งนึง ?

“ผมว่าปัญหาของเศรษฐกิจเอเมริกามันมากกว่าการที่ประธานาธิดีคนใดคนหนึ่งที่จะเข้ามาแล้วจะเปลี่ยนประเทศได้ เพราะปัญหากาของอเมริกาคือการต่อต้านหนี้เกินตัว และวิธีการแก้ปัญหาถูกฝังรากลงไปแล้ว คือเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะทำยังไง เมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว โดยการใช้ QE การขยายที่สภาพคล่องของธนาคารกลางอเมริกามาช่วย จนทำให้เกิดฟองสบู่ในสินทรัพย์เสี่ยง ซึ่งคนที่ได้รับผลประโยชน์ไม่ใช่ประชาชนทั่วไปธรรมดา แต่เป็นนักลงทุนซึ่งโดยส่วนตัวผมยังมองว่าเศรษฐกิจอเมริกายังเติบโตแบบฝืดๆช้าๆไปอีกหลายปี”

จากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ส่งผลให้การประชุมของเฟดวันที่ 4 พ.ย.59 มีแนวโน้มในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากแค่ไหน ?

“ไม่มีโอกาสนะครับ โอกาสจะมีแค่ 0.1% น้อยมากหรือแทบไม่มีเลย เพราะผมคิดว่าเดือนพฤศจิกายนเขาเห็นตัวเลขเดือนที่ผ่านมาของ Non-Farm Payroll เมื่อวันศุกร์ที่ประกาศมาก็ไม่ค่อยจะดูดีนัก ถึงแม้ว่ามันไม่ได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้นักแต่ก็ต่ำ ผมจึงคิดว่าไม่ควรที่จะขึ้นดอกเบี้ย รอถึงปีหน้าก็ไม่เสียหายหรอกครับ เพราะว่าการขึ้นในเดือนพฤศจิกายนจะไม่เกิดขึ้นแน่ต้องไปดูตัวเลขอีกทีนึง และดูว่าเดือนธันวาคมจะขึ้นได้ไหม

ประธานเฟด Cleveland บอกว่าพร้อมแล้วที่จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือนหน้า คุณปริญญ์ คิดว่ามีเหตุผลยังไงบ้าง ?

“เราไม่ได้อยากว่า ประธานเฟด Cleveland แต่ผมอยากบอกว่าคนเหล่านี้เคยพูดมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วแล้ว ว่าปีนี้จะขึ้นดอกเบี้ย 4 ครั้ง และก็ขึ้นไป 1 ครั้ง ซึ่งจริงๆมองว่าไปเป็นความผิดพลาดที่เขาขึ้น 1 ครั้งด้วยซ้ำไป ถ้าเขาไม่ขึ้น 1 ครั้ง เศรษฐกิจของอเมริกาอาจจะโตดีกว่านี้ผมว่าความเชื่อมั่นในนักธนาคารกลางของเฟดถดถอยลงมาก และผมว่าเป็วิกฤตอีกอันนึงเลยที่เรากลัวว่าถ้าวิกฤตอันนี้มันเริ่มเข้าไปฝังรากลึก ปันผลของธนบัตรรัฐบาลอเมริกาจะพุ่งกระฉูดขึ้นเพราะว่าทางตลาดการเงิน การลงทุนขาดความเชื่อมั่นในนโยบายการเงินของยักษ์ใหญ่อเมริกา อันนี้ก็จะน่ากังวลต่อตลาดทุนอีกแบบนึง” 

ในประเด็นของดอยซ์แบงก์พอที่จะหมดห่วงได้บ้างหรือยังครับ ?

“จริงๆดอยซ์แบงก์เป็นปัญหาอันนึงที่ใหญ่ มันยังหมดห่วงไม่ได้ง่ายๆนะครับ เพราะว่าธนาคารใหญ่ระดับดอยซ์แบงก์มันเชื่อมโยงกันกับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทั่วโลก และเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจยุโรปหลายๆด้าน ซึ่งยังมีปัญหาอยู่เยอะมาก ซึ่งธนาคารดอยซ์แบงก์เขาคงต้องหาวิธีการเพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นใหญ่เขารับได้ แต่ผมเชื่อว่าในระยะสั้นเขาไม่ล้มหรอกครับเพราะธนาคารกลางของยุโรปหรือรัฐบาลเยอรมันก็ต้องเข้ามาช่วย ถ้าเกิดว่ามีปัญหาถึงขั้นล้ม”

กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอมเริกากล่าวว่าดอยซ์แบงก์เป็นสาเหตุหนึ่งทำให้เกิดวิกฤตซัพพลายดูแล้วค่าปรับที่ทางกระทรวงเรียกร้องมา 1.4 หมื่นล้านเหรียญฯ ซึ่งถ้ามีการเจรจาลงมาได้ตามที่มีข่าว คือ 5.4 พันล้านเหรียญฯ สถานการณ์จะสามารถพลิกกลับมาเป็นบวกได้ไหมสำหรับตัวของดอยซ์แบงก์ และผลกระทบในยุโรป รวมไปถึงทั่วโลก ?

“ครับ อย่างน้อยในระยะสั้นตัวของค่าปรับเป็นแรงกดดันอันนึงที่ทำให้หุ้นเขาตกไปมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของดอยซ์แบงก์ ผมเชื่อว่าอย่างน้อยมันจะคลี่คลายความกลัวความกังวลหรือความตื่นตูมในระยะสั้นได้บ้างในระดับนึง แค่เงินค่าปรับ 1.4 หมื่นล้านเหรียญฯ ซึ่งผมคิดว่าเขาพร้อมที่จะต่อรองแหละครับ เพราฉะนั้นถ้าค่าปรับผมคิดว่าอาจจะแค่ 4 พันล้านเหรียญฯ ก็ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในระยะยาวที่น่ากังวลในแง่ของการปรับโครงสร้างของธนาคารเอง แล้วก็ในแง่ของความเสี่ยงที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจหลายๆประเทศ และอีกหลายๆบริษัทยักษ์ใหญ่ในยุโรปมีปัญหาแน่นอนครับ”

 

อย่างไรก็ตามในศึกดีเบตรอบ 2 ผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่จัดทำโดยสำนักข่าว CNN ชี้ว่า นางฮิลลารี คลินตัน ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต สามารถคว้าชัยชนะเหนือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ไปด้วยคะแนน 57% ต่อ 34% ในการโต้วาทีรอบที่ 2 ของเช้าวันนี้

Back to top button