GUNKUL มั่นใจกำไรปีนี้ใกล้เคียงปีก่อน ตั้งเป้า PPA แตะ 1 พัน MW

GUNKUL มั่นใจกำไรปีนี้ใกล้เคียงปีก่อนแม้รายได้หดหลังงาน EPC ล่าช้า,ตั้งเป้าซื้อขายไฟ (PPA) แตะ 1 พัน MW ในปี 63


นางสาวโศภชา ดำรงปิยวุฒิ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิปีนี้จะทำได้ใกล้เคียงระดับ 685.14 ล้านบาทในปีก่อน แม้รายได้อาจจะทำได้ราว 3 พันล้านบาท ต่ำกว่าระดับ 4.59 พันล้านบาทในปี 58 เนื่องจากงานรับเหมาก่อสร้าง (EPC) ลดลง หลังงานโครงการไฟฟ้าต่าง ๆ ของภาครัฐมีความล่าช้า แต่การรับรู้ผลการดำเนินงานของกำลังการผลิตไฟฟ้าที่มีเข้ามาต่อเนื่องช่วยหนุนกำไรสุทธิในปีนี้

ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 60 เติบโต 20-30% จากปีนี้ หลังจะรับรู้รายได้จากกำลังผลิตไฟฟ้า 176 เมกะวัตต์ (MW) ได้เต็มปี ขณะที่ยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมที่จะเดินเครื่องผลิตในช่วงปลายปีเข้ามาเพิ่มอีก 60 เมกะวัตต์ด้วย ตลอดจนธุรกิจซื้อมาขายไปจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ คาดว่าในปี 60 สัดส่วนรายได้จากการธุรกิจซื้อมาขายไป และรับเหมาก่อสร้างจะอยู่ที่ 60% ส่วนรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าจะอยู่ที่ 40% ขณะที่สัดส่วนของกำไรจะอยู่ที่ 50:50

นางสาวโศภชา กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าในปี 63 จะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในมือแตะ 1,000 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าในโครงการโซลาร์ฟาร์มและพลังงานลม ทั้งหมด 488 เมกะวัตต์ เป็นกำลังการผลิตไฟฟ้าที่เดินเครื่องแล้ว 176 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกันยังอยู่ระหว่างยื่นประมูลสัญญาซื้อขายไฟฟ้าร่วมกับพันธมิตรในประเทศมาเลเซีย กำลังการผลิตไม่ต่ำกว่า 50 เมกะวัตต์ โดยคาดว่าจะรู้ผลการประมูลในช่วงไตรมาส 1/60

นอกจากนั้น บริษัทยังเจรจาเพื่อเข้าลงทุนในโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มเติมอีก 130 เมกะวัตต์ ตลอดจนมีแผนยื่นประมูลโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร ระยะ 2 เพิ่มเติม ไม่น้อยกว่า 170-180 เมกะวัตต์ โดยขณะนี้เจรจาอยู่กับกลุ่มสหกรณ์ 10 ราย กำลังการผลิต 70-80 เมกะวัตต์ และส่วนราชการไม่น้อยกว่า 100 เมกะวัตต์

สำหรับทิศทางผลประกอบการไตรมาส 4/59 มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากขณะนี้บริษัท มีกำลังการผลิตในส่วนของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมเพิ่มขึ้น จากบริษัท พัฒนาพลังงานลม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ โครงการโรงไฟฟ้าวายุวินด์ฟาร์ม และโครงการโรงไฟฟ้าซับพลูวินด์ฟาร์ม 1-2 ครบทั้ง 60 เมกะวัตต์แล้ว โดยจะเริ่มทยอยรับรายได้ทันทีตั้งแต่ปี 59 ประมาณ 100 ล้านบาท อีกทั้งยังทยอยรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ปัจจุบันจ่ายไฟเข้าระบบแล้วประมาณ 120 เมกะวัตต์ รวมโซลาร์ฟาร์มจาก บริษัท บีเอ็มพี โซล่าร์ จำกัด กำลังการผลิต 8 เมกะวัตต์  ด้วย

“เป้าหมายของเราคือ การก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำด้านธุรกิจพลังงานทดแทน รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินทรัพย์และกำไรในอนาคต ดังนั้นเราจึงอยากให้ผู้ถือหุ้นได้เติบโตไปพร้อม ๆ กับบริษัท เพราะปี 2560 รายได้ประมาณ 50% ของกลุ่มบริษัทจะมาจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ทำให้กลุ่มบริษัทก้าวเข้าสู่ธุรกิจโรงไฟฟ้าอย่างเต็มตัว นั่นหมายความว่ารายได้และกำไรของกลุ่มบริษัทจะปรับเพิ่มสูงขึ้นแน่นอนในอนาคต

 

Back to top button