KTBST ชี้ SET ผันผวนสูงแม้”ช้อปช่วยชาติ”หนุน-นลท.รอผลประชุมเฟด
KTBST ชี้ SET ผันผวนสูงแม้"ช้อปช่วยชาติ"หนุน-นลท.รอผลประชุมเฟด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ กลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) หรือ KTBST เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังมีทิศทางเป็นบวก แต่มีความผันผวนสูงจากการสลับกลุ่มลงทุน โดยกลุ่มหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคในประเทศ (Domestic Play) ยังได้ปัจจัยบวกจากมาตรการภาครัฐ ขณะที่ลงทุนบางส่วนอาจรอดูผลประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แต่คาดดัชนีฯจะยังสามารถที่จะปิดในแดนบวกได้
“กลยุทธ์การลงทุนภาพตลาดหุ้นยังเป็นบวก แต่ความผันผวนจะสูง จากการใช้วิธีสลับกลุ่มเล่นขายกลุ่มหนึ่ง เพื่อไปซื้ออีกกลุ่มหนึ่ง การเข้าซื้อหุ้นในช่วงนี้ จึงควรรอในจังหวะที่ดัชนีฯอ่อนตัวลงมา ตราบที่ดัชนีฯ ยังเลี้ยงตัวเหนือ 1,521 จุดได้ ยังไม่มีอะไรน่ากังวล กลุ่มนำตลาดวันนี้ น่าจะกลับมาเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือหุ้นที่เป็น Domestic Play สำหรับการเข้าเก็งกำไรช่วงสั้น หุ้นที่เราคาดว่าอาจได้รับความสนใจจากนักลงทุน อาทิ BANPU , TMT , ILINK , MC , CHO” นายมงคล กล่าว
นายมงคล กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ยังมาจากปัจจัยภายนอก คือ เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัว ความกังวลต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมีน้อยลง ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศชะลอการขายและกลับมาซื้อหุ้นในบางประเทศ ส่วนปัจจัยในประเทศเองมีปัจจัยหนุนเฉพาะตัว ซึ่งจะทำให้ทิศทางตลาดในวันนี้จะมีความผันผวนหรือลดลงในระหว่างการซื้อขาย
บรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ นำโดยหุ้นกลุ่มพลังงาน-เทคโนโลยีที่เดินหน้าบวกต่อสอดรับกับแนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐฯเองที่ถูกคาดว่ายังขยายตัวดี จากนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นอื่น ๆ ไม่ได้บวกกันมากมายนัก ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากการรอดูผลประชุม FOMC คืนนี้
ขณะที่ทิศทางราคาน้ำมัน แนวโน้มยังเป็นบวกจากการที่สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) ปรับคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น แต่ด้านสำนักวิจัยต่าง ๆ ยังเห็นเหมือนกัน คือ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมาก จะทำให้ผู้ผลิตน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil) เพิ่มกำลังกรผลิตขึ้นมาด้วย และจะเห็นผลในปี 60 ด้วย
นอกจากนี้ นักลงทุนบางส่วนไม่แน่ใจว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) จะลดกำลังการผลิตได้ตามที่กำหนดโควตาที่จะลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล/วันหรือไม่ เพราะข้อมูลการผลิตเดือน พ.ย.ของกลุ่มโอเปกนั้น มีการรวบรวมว่าผลิตเพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค.มาเป็น 33.8 ล้านบาร์เรล/วันแล้ว ซึ่งจะทำให้หุ้นในกลุ่มน้ำมันคาดว่าจะชะลอตัวลงตามราคาน้ำมัน
สำหรับปัจจัยในประเทศ การอนุมัติมาตรการช้อปช่วยชาติบวกต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) 0.2% ในส่วนของสินค้าและบริการ การผลักดัน 36 โครงการเร่งด่วน วงเงิน 8.96 แสนล้านบาท มีผลต่อ GDP 1-2% และเงินช่วยเหลือคนจนที่จ่ายเข้าบัญชีในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา มองว่าเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชนทั้งในวันนี้และที่จะเกิดขึ้นในปี 60 ซึ่งเป็นบวกต่อ GDP โดยตรง

