GULF เดินหน้า COD โซลาร์ฟาร์ม 2 โครงการ กำลังผลิต 145 เมกะวัตต์

GULF แจ้งบริษัทย่อย “กัลฟ์ รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์จี” เดินหน้า COD โรงไฟฟ้าโซลาร์ 2 โครงการ กำลังผลิตรวม 145 เมกะวัตต์ ได้แก่ SPP อุตรดิตถ์ 77 เมกะวัตต์ และ TPS สุรินทร์ 68 เมกะวัตต์ สนับสนุนพลังงานสะอาดและความยั่งยืนของประเทศ


บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า เมื่อวันนี้ 15 ธันวาคม 2568 กลุ่มบริษัทย่อยซึ่งบริษัทฯ ถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัท กัลฟ์ รีนิวเอเบิล เอ็นเนอร์จี จำกัด (GRE) ในสัดส่วนร้อยละ 100 ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 2 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 109.7 เมกะวัตต์ (กำลังการผลิตติดตั้ง 145.0 เมกะวัตต์) และได้จ่ายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทย่อย ดังนี้ 1.) บริษัท แสงพัฒน์ พลังงาน จำกัด (SPP) เป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 58.7 เมกะวัตต์ (กำลังการผลิตติดตั้ง 77.0 เมกะวัตต์) ตั้งอยู่ในจังหวัดอุตรดิตถ์ ภาคเหนือของประเทศไทย และอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 500 กิโลเมตร

2.) บริษัท ไทยพัฒน์ โซล่าร์ จำกัด (TPS) เป็นผู้ดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farm) มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 51.0 เมกะวัตต์ (กำลังการผลิตติดตั้ง 68.0 เมกะวัตต์) ตั้งอยู่ในจังหวัดสุรินทร์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย และอยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 450 กิโลเมตร

โดยโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนภายใต้กลุ่ม GRE ซึ่งได้รับการคัดเลือกตามระเบียบคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานว่าด้วยการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบ Feed-in Tariff (FiT) ปี 2565–2573 สำหรับกลุ่มที่ไม่มีต้นทุนเชื้อเพลิง โดยมีกำหนดทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงปี 2567–2573 และมีอัตราจำหน่ายไฟฟ้า 2.1679 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ตลอดอายุสัญญาการซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นระยะเวลา 25 ปี

การรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการดังกล่าวจะช่วยลดความผันผวนจากราคาเชื้อเพลิง และช่วยแบ่งเบาภาระของประชาชนทั้งในภาคครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมให้สามารถใช้ไฟฟ้าในราคาที่เหมาะสมตลอดอายุสัญญา เนื่องจากโครงการดังกล่าวมีราคาขายไฟฟ้าต่ำกว่าราคาค่าไฟเฉลี่ยในปัจจุบัน

นอกจากนี้ การพัฒนาโครงการดังกล่าวยังสอดคล้องกับนโยบายของประเทศและนโยบายของบริษัทฯ ในการผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas Emissions) และมุ่งสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ภายในปี 2593 ควบคู่กับการส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด เพื่อเสริมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนและสนับสนุนการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

สำหรับปี 2567 มีโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วจำนวน 5 โครงการ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญารวม 295.0 เมกะวัตต์ (กำลังการผลิตติดตั้ง 531.8 เมกะวัตต์) ขณะที่ในปี 2568 มีกำหนดทยอยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเติมอีก 7 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 354.3 เมกะวัตต์ (กำลังการผลิตติดตั้ง 596.8 เมกะวัตต์) โดยในจำนวนดังกล่าวมี 5 โครงการ รวมกำลังการผลิตไฟฟ้าตามสัญญา 233.3 เมกะวัตต์ (กำลังการผลิตติดตั้ง 308.0 เมกะวัตต์) ที่ได้เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเป็นที่เรียบร้อย ขณะที่อีก 2 โครงการ มีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในวันที่ 31 ธันวาคม 2568

ทั้งนี้ หากมีความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการเพิ่มเติม บริษัทฯ จะแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและผู้ถือหุ้นทราบต่อไป

Back to top button