ECF ปักธงรายได้ปีนี้โตเกิน 10% มุ่งขยายตลาดทั้งใน-ตปท.

ECF ปักธงรายได้ปีนี้โตเกิน 10% (ไม่รวมธุรกิจใหม่) มุ่งขยายตลาดทั้งใน-ตปท. คาดธุรกิจใหม่-พลังงานทดแทนชัดเจนใน H1/60


นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ในปีนี้(ไม่รวมธุรกิจใหม่)จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% โดยบริษัทจะมุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเบื้องต้นบริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ราว 100-150 ล้านบาท เพื่อที่จะใช้ในการซื้อเครื่องจักร ขยายคลังสินค้าเพิ่มเติม

ทั้งนี้ บริษัทจะมุ่งเน้นการขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ เบื้องต้นวางแผนขยายตลาดในประเทศโดยขยายสาขาภายใต้แบรนด์ ELEGA อีก 3 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่แล้ว 16 สาขา และวางแผนเปิดสาขา ร้าน FINNA HOUSE จำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ภายใต้ลิขสิทธิ์ DISNEY เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีอยู่ 5 สาขา ขณะเดียวกันบริษัทยังมีโอกาสสร้างการเติบโตของยอดขายจากออร์เดอร์ที่มากขึ้นตามการขยายสาขาของลูกค้ากลุ่มโมเดิร์นเทรด

ส่วนตลาดต่างประเทศ มีสัญญาณการเติบโตที่ดี บริษัทได้รับออเดอร์จากลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกันนี้บริษัทจะขยายฐานลูกค้าใหม่ในต่างประเทศ โดยเน้นการส่งสินค้าไปจำหน่ายในกลุ่มประเทศอาเซียน หรือ AEC อาทิ ประเทศกัมพูชา ลาว เมียนมา ฟิลิปปินส์ เป็นต้น และพยายามผลักดันให้สัดส่วนรายได้จากกลุ่มประเทศ AEC เพิ่มขึ้นที่ 10 % จากเดิม 5 % พร้อมกับออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างยอดการขายเฟอร์นิเจอร์ให้เพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าต่างประเทศ 55% ภายในประเทศ 45%

สำหรับธุรกิจร้านค้าปลีกรูปแบบร้าน 100 เยน “Can Do” จากประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้เปิดสาขาแล้วจำนวน 6 แห่ง ได้แก่ ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต ซีคอนสแควร์ ศรีนครินทร์  เดอะ พาซิโอ พาร์ค กาญจนาภิเษก  โฮมโปร รัตนาธิเบศร์  โฮมโปร ราชพฤกษ์ และอินเด็กซ์ ลีฟวิ่ง มอลล์ บางใหญ่ ซึ่งในปีนี้บริษัทมีแผน จะขยายสาขาเพิ่มอีก 6 สาขา ซึ่งเมื่อสร้างฐานรายได้ Can Do แข็งแกร่งแล้วจะพิจารณาเรื่องการเปิดขายแฟรนไชส์อีกครั้ง

ปีนี้ทุกๆอย่างมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจในประเทศ และสถานการณ์ต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นญี่ปุ่นที่เศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น สหรัฐฯเองก็มีความชัดเจนของประธานาธิบดีคนใหม่แล้ว จีนเองก็เริ่มกลับมาดีขึ้น ก็เชื่อว่าจะเริ่มกลับมาซื้อของ ซึ่งปีนี้เราก็เชื่อว่าจะช่วยให้ผลประกอบการของเราดีขึ้นได้”นายอารักษ์ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมที่จะสรุปแผนการลงทุนในธุรกิจใหม่ ในช่วงไตรมาส 1/60 ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจเดิม แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้ราว 10-15% ในปี 60 โดยจะมีการเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ดในวันที่ 12 ม.ค. เพื่อสรุปอีกครั้ง

นอกจากนี้ธุรกิจร้านค้าปลีกรูปแบบร้าน 100 เยน “Can Do” จากประเทศญี่ปุ่น บริษัทได้ตั้งงบลงทุนไว้ราว 50-60 ล้านบาท เพื่อที่จะใช้ในการขยายสาขาใหม่ 6 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ทั้งหมด 6 สาขา โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับโครงสร้าง ระบบภายในให้มีความแข็งแกร่งก่อนที่จะพิจารณาขายแฟรนไชส์อีกครั้ง

ขณะที่ธุรกิจไฟฟ้านั้น หลังจากที่บริษัทได้ตั้งบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ร่วม บริษัทฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI นั้น บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาและศึกษาเพื่อเข้าซื้อกิจการ หรือเข้าถือหุ้นบางส่วนในโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในช่วงไตรมาส 2/60

Back to top button