PSTC คาดรายได้ปีนี้โตกว่า 20% Backlog หนุน-รับประโยชน์ประมูล 4G

PSTC คาดรายได้ปีนี้โตกว่า 20% Backlog หนุน ขณะที่คาดว่าจะได้รับงานใหม่เข้ามา หลังภาครัฐเปิดประมูลระบบ 4G ในช่วงเดือน พ.ย.และ ธ.ค.ด้วย


นายพระนาย กังวาลรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้เติบโตกว่า 20% จากปีก่อน เนื่องจากมีงานในมือ(Backlog) ราว 400 ล้านบาท

โดยแบ่งเป็นงานธุรกิจงานรับเหมาก่อสร้างแบบครบวงจร(EPC) ราว 200 ล้านบาท และงานติดตั้งระบบจ่ายไฟฟ้าและตรวจวัดจัดการสภาพแวดล้อม โดยคาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้มากกว่า 50% ขณะที่คาดว่าจะได้รับงานใหม่เข้ามา หลังภาครัฐเปิดประมูลระบบ 4G ในช่วงเดือน พ.ย.และ ธ.ค.ด้วย 

ทั้งนี้ ปัจจุบันมูลค่างานในมือปัจจุบันยังไม่รวมงานจาก บริษัท โซล่าร์ ลิสซิ่ง จำกัด ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มเข้ามาในปีนี้ ภายหลังได้รับงานเพิ่มจากผู้ประกอบการ จะทำให้สำหรับสัดส่วนรายได้มาจากงาน EPC ราว 80%  และรายได้จากการขายไฟฟ้า 20%

ขณะที่ ล่าสุด  บริษัท พีเอสที เอนเนอร์ยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้ร่วมทุนกับบริษัท ทีเอสเอฟ เอนเนอร์จี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSF เพื่อดำเนินการจัดตั้งบริษัท โซล่าร์ ลิสซิ่ง จำกัด เพื่อประกอบธุรกิจให้สินเชื่อแก่ผู้ประกอบการที่ได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) พลังงานแสงอาทิตย์จากภาครัฐ แต่ขาดความพร้อมด้านเงินทุน

โดย PSTC  จะเป็นผู้ดำเนินการลงทุนก่อนแล้วให้ลูกค้าผ่อนชำระในระยะยาว 10 ปี กำหนดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าขอสินเชื่อธนาคาร โดยอุปกรณ์จะได้รับวงเงินสนับสนุนจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในจีน

นอกจากนี้ยังได้ตั้งบริษัทร่วมทุนที่มีชื่อว่า บริษัท ทริปเปิ้ล เอส อีโค่ จำกัด ทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท เพื่อดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานลมหรือพลังงานทางเลือกอื่นๆ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างยื่นคำขอจำหน่ายไฟฟ้าและเชื่อมโยงระบบจำหน่ายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.)

ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าขยะที่จ.สุรินทร์ ขนาด 8 เมกะวัตต์ มีมูลค่าลงทุนราว 1 พันล้านบาท โดยปัจจุบันยื่นคำเสนอขายไฟฟ้าไปแล้วและอยู่ระหว่างรอ PPA  ซึ่งคาดว่าจะได้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าในรูปแบบ Adder ช่วงไตรมาส 2/58

ขณะเดียวกันบริษัทยังมีโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ค้างท่อ ขนาด 1 เมกะวัตต์ ในอ.เขาย้อย จ.เพชรบุรีมูลค่าลงทุน 55 ล้านบาท โดยคาดจะเริ่มขายไฟฟ้าเขาระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงไตรมาส 3/58 และในปีหน้าคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลขนาด 2 เมกะวัตต์ ที่จ.ชลบุรีและจ.ตรัง ไม่เกิน ก.ย.59 รวมถึงรับรู้รายได้เต็มปีจากโรงไฟฟ้าแห่งเดิมที่ COD ไปแล้วขนาด 5 เมกะวัตต์ โดยตามแผนบริษัทคาดจะมีกำลังไฟฟ้ารวม 20 เมกะวัตต์

Back to top button