SET บ่ายปรับลง-แกว่งแคบ รอผลประชุมเฟด 14-15 มี.ค.นี้

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า …


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (13 มี.ค.) เงียบเหงาอิงทางลงไร้ปัจจัยใหม่ ราคาน้ำมันร่วงทำกลุ่มพลังงานผันผวน เช้านี้ปรับตัวลงก่อนดีดกลับขึ้นมาเป็นบวก ต่างรอผลประชุมเฟด 14-15 มี.ค.นี้แม้เห็นไปทางเดียวกันว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่ยังรอติดตามความเห็นจากเฟด ส่วนในประเทศไร้แรงผลักดันตลาดฯ ทำให้ตลาดบ้านเราอ่อนกว่าตลาดภูมิภาคที่ส่วนใหญ่บวก และเจอแรงขาย GL บ่ายนี้ตลาดฯคงปรับตัวลงและแกว่งแคบ ให้กรอบที่  1,530-1,540 จุด

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เงียบเหงาอิงในทางลงต่อ เนื่องจากตลาดฯไม่ได้มีปัจจัยใหม่เข้ามาและยังวนเวียนด้วยปัจจัยเดิม ทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ทำให้หุ้นในกลุ่มน้ำมันผันผวนมาก ช่วงเช้าปรับตัวลงมากแต่ก็ดีดตัวกลับขึ้นมาได้ นอกจากนี้ต่างรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ในวันที่ 14-15 มี.ค.นี้ แม้ขะคิดไปในทางเดียวกันแล้วว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ให้ติดตามความเห็นจากเฟดต่อไป

สำหรับปัจจัยในประเทศก็ไม่มีประเด็นช่วยผลักดันตลาดฯ ทำให้ตลาดบ้านเราเช้านี้ดูอ่อนกว่าตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนบวก เนื่องจากได้รับแรงกดดันจากหุ้น GL ที่ปรับตัวลงด้วย แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ตลาดฯคงจะปรับตัวลงอยู่ และดัชนีฯคงจะแกว่งในกรอบแคบ พร้อมให้กรอบการแกว่งไว้ที่ 1,530-1,540 จุด

 

บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (13 มี.ค.) SET มีลุ้น Technical rebound ที่แนวรับ 1,532 จุด โดยแรงขาย GL ที่มีเข้ามาตั้งแต่เปิดตลาด เป็นปัจจัยกระทบ Sentiment ตลาดโดยรวม และยังส่งผลให้นักลงทุนที่มี GL (เราแนะนำ “ขาย” GL และ drop coverage วันนี้) อาจต้อง “ปรับพอร์ต” ตามซึ่งเป็นปัจจัยกดดันหุ้นอื่นๆ ด้วยเช่นเดียวกัน ขณะที่การเก็งกำไร GL-W4 ควรต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากเนื่องจากราคาหุ้นปัจจุบัน Deep out-of-money ด้วยราคาใช้สิทธิซื้อหุ้นแม่ที่ 40 บาท ในอัตราส่วน 1 warrant ต่อ 1 หุ้นแม่ ซึ่งจะหมดอายุในวันที่ 31 ก.ค.2561 ขณะที่ Technical rebound ที่อาจเกิดขึ้นที่บริเวณแนวรับ 1,532 จุด ยังไม่ใช่โอกาสในการ “ซื้อ” หรือ “เพิ่มพอร์ต”

ในขณะเดียวกัน แนะนำ “ซื้อ” KTB ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 21 บาท จาก 1) มองธนาคารขนาดใหญ่ได้รับผลดีจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น + สินเชื่อเริ่มกลับมาขยายตัวได้ปีนี้ และ NPL ผ่านจุดแย่ที่สุดไปแล้ว 2) Valuation ไม่แพง ด้วย PBV 1.02x ณ.สิ้นปี 2559 ขณะที่ ROE เร่งตัวขึ้นมาที่ 12.4% และ 3) คาดการณ์เงินปันผล 4.5% หรือ 0.89 บาท/หุ้น สำหรับปี 2559 และคาดปันผลปีนี้ 4.8% ขณะที่ทางเทคนิคอิง Trade Code อยู่ที่ “Let profit run” เป้าหมายระยะสั้น 20.5 บาท

 

สรุปหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่

EE    มูลค่าการซื้อขาย   726.89 ล้านบาท ปิดที่   1.25 บาท ลดลง  0.11 บาท

PTT   มูลค่าการซื้อขาย   544.98 ล้านบาท ปิดที่ 393.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

CBG     มูลค่าการซื้อขาย   467.24 ล้านบาท ปิดที่  52.00 บาท ลดลง  4.00 บาท

SCC     มูลค่าการซื้อขาย   449.64 ล้านบาท ปิดที่ 526.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

TPIPL   มูลค่าการซื้อขาย   390.43 ล้านบาท ปิดที่   2.64 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท

Back to top button