จับตา 3 ปัจจัยหลักประจำวัน พร้อมชู 12 หุ้นเด็ดมีปัจจัยหนุน

จับตา 3 ปัจจัยหลักประจำวัน พร้อมชู 4 กลุ่มเด็ดมีปัจจัยหนุน


บล.กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยคาดดัชนีแกว่งตัว 1,625 – 1,645 จุด เนื่องจากได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นแรงตอบรับผลการประชุม OPEC ปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้อยกว่าคาด (คาดเพิ่ม 6 แสนบาร์เรล/วัน) ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน

นอกจากนี้การทำ Window dressing ปิดไตรมาส 2/2561 ในช่วงสัปดาห์นี้จะเป็นแรงหนุนต่อดัชนีด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามความกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศต่างๆยังคงมีต่อไป หลังล่าสุดปธน.ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษี 20% ต่อรถยนต์นำเข้าจากสภาพยุโรป ประกอบกับแรงกดดันจาก Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกต่อเนื่อง โดยจากต้นเดือนเป็น Net sell 4.5 หมื่นล้านบาท และยอดตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน Net sell 1.76 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้ดัชนียังมีความผันผวนต่อไป

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : เน้นตั้งรับ ไม่ไล่ราคา  

– กลุ่มพลังงาน ราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 เดือนเหนือ 68 US/Barrel

– กลุ่มอิเล็คทรอนิกส์ และอาหาร ได้อานิสงส์เงินบาทอ่อนค่าลงล่าสุด 32.9 Bath/USD

– กลุ่มผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว อาทิ CPF, BANPU, TKN, EPG, GCAP และANAN

– AOT, BH, CPALL, CPN, CBG, และ MINT คาดเป็นกลุ่มที่มีโอกาสทำ Window dressing เนื่องจากราคา Underperform ตลาดในช่วงที่ผ่านมา

 

ประเด็นสำคัญวันนี้

(+) ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งแรงกว่า 4.6% ตอบรับผลประชุม OPEC ปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้อยกว่าคาด เราประเมินราคาปรับขึ้นแค่ช่วงสั้น : เมื่อวันศุกร์ราคาน้ำมันดิบ WTI บวกแรงกว่า 3.04 ดอลลาร์ หรือ 4.6% ปิดที่ 68.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ตอบรับผลประชุมของกลุ่ม OPEC ซึ่งมีมติให้กลุ่มประเทศสมาชิกปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันน้อยกว่าที่ตลาดคาดไว้ แม้ OPEC จะไม่ได้ระบุตัวเลขที่ชัดเจนแต่มีการคาดการณ์กันว่า OPEC จะปรับเพิ่มกำลังการผลิตในครั้งนี้ประมาณ 6 แสนบาร์เรลต่อวัน  อย่างไรก็ตามเรามองว่าราคาน้ำมันดิบที่พุ่งแรงในครั้งนี้จะเป็นการปรับเพิ่มในช่วงสั้นเนื่องจากเราเชื่อว่ากำลังการผลิตน้ำมันดิบที่สูงขึ้นของ OPEC และสหรัฐอเมริกาจะกดดันให้ราคาน้ำมันดิบในระยะถัดไปลดลง เราประเมินกรอบราคาน้ำมันดิบ WTI สัปดาห์นี้จะ Sideways ในกรอบ 65(+/-2)$/bbl

(-) Trade war ยังคงอยู่ล่าสุด ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษี 20% ต่อรถยนต์นำเข้าจากสหภาพยุโรป: ทรัมป์ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีจากรถยนต์ที่นำเข้าจากสหภาพยุโรป (EU) ในอัตรา 20% หาก EU ไม่ยกเลิกการเรียกเก็บภาษีต่อรถยนต์สหรัฐ โดยก่อนหน้านี้ทรัมป์สั่งการให้ กระทรวงพาณิชย์ตรวจสอบว่า ยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ที่นำเข้าจากต่างประเทศนั้นเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของชาติหรือไม่ ซึ่งตลาดคาดการณ์กันว่าหน้าจะใช้เวลาการตรวจสอบไปจนถึงต้นปีหน้า อย่างไรก็ตามสหรัฐคาดว่าการตรวจสอบดังกล่าวน่าจะแล้วเสร็จในช่วงเดือน ก.ค.หรือ ส.ค.ปีนี้.

(+) ลุ้นกองทุนทำ window dressing ช่วยประคองดัชนีในช่วงท้ายสัปดาห์ : สืบเนื่องจาก SET Index ที่ปรับตัวลงแรงในช่วงครึ่งปีแรกโดย QTD ลดลง 8% และ YTD ลดลง 6.7% ส่งผลให้บรรดากองทุนต่างๆมีผลการดำเนินงานที่ไม่ค่อยสดใสสะท้อนผ่าน NAV ที่ลดลง ประกอบกับกองทุนจะต้องเร่งโชว์ผลการดำเนินงานเพื่อเปิดขายกองทุนในช่วงครึ่งปีหลัง จึงมีความเป็นไปได้สูงที่บรรดากองทุนต่างๆจะเข้าทำราคาปิดในช่วงปลายเดือน (Window dressing) เราประเมินว่าหุ้นที่ปรับตัวลงแรงและให้ผลตอบแทนแพ้ตลาดในช่วงที่ผ่านมาจะเป็นเป้าในการทำ Window dressing ในครั้งนี้ อาทิ AOT BH CPALL CPN CBG MINT

 

Back to top button