ฝันสลายนักล่า “ไอพีโอ” เทรดวันแรกหลุดจอง 7 ตัว

ตลาดหุ้นไทยปี 2568 สะท้อนทิศทางระดมทุนที่ท้าทาย หุ้นไอพีโอหน้าใหม่ 7 จาก 17 หลักทรัพย์ปิดเทรดวันแรกหลุดราคาเสนอขาย ขณะที่ HANN และ SKIN ปิดเทรดวันแรกเหนือจองกว่า 200%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน (1 มกราคม – 14 พฤศจิกายน 2568) มีหุ้นไอพีโอหน้าใหม่เข้าจดทะเบียนและทำการซื้อขายในตลาดหุ้นไทยรวมกว่า 17 ตัว แบ่งเป็นเข้าซื้อขายในตลาด SET จำนวน 6 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท แอตลาส เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ ATLAS, บริษัท แมสเทค ลิ้งค์ จำกัด (มหาชน) หรือ MASTEC, บริษัท มิสเตอร์. ดี.ไอ.วาย. โฮลดิ้ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ MRDIYT, บริษัท ออนเซ็น รีทรีต แอนด์ สปา กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ONSENS, บริษัท กลุ่มสมอทอง จำกัด (มหาชน) หรือ SMO และ บริษัท เงินเทอร์โบ จำกัด (มหาชน) หรือ TURBO

ส่วนหลักทรัพย์ที่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai จำนวน 11 หลักทรัพย์ ได้แก่ บริษัท โปร อินไซด์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIS, บริษัท มาเธอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ MOTHER, บริษัท แอลทีเอ็มเอช จำกัด (มหาชน) หรือ LTMH, บริษัท บางกอก แอสเซท อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BKA, บริษัท นูทริชั่น โปรเฟส จำกัด (มหาชน) หรือ NUT, บริษัท โรงพยาบาลมุกดาหารอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ HANN, บริษัท สกิน ลาบอราทอรี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SKIN, บริษัท 88(ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ 88TH, บริษัท อินดิจี จำกัด (มหาชน) หรือ IDG, บริษัท ลอนดรี้ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ WASH, บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MMM

ทั้งนี้ หากลองมาดูความเคลื่อนไหวในวันเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรก พบว่ามีหลักทรัพย์ที่ปิดตลาดวันแรกเหนือราคาไอพีโออยู่เพียง 9 หลักทรัพย์ และมีหลักทรัพย์ที่ปิดราคาต่ำกว่าราคาไอพีโอจำนวน 7 หลักทรัพย์ และมี 1 หลักทรัพย์ที่ปิดเสมอตัวกับราคาไอพีโอ คือ MRDIYTH

สำหรับความเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์ที่เข้าซื้อขายในตลาด SET วันแรก พบว่ามี 4 หลักทรัพย์ที่ปิดต่ำกว่าราคาไอพีโอ และมีเพียง 1 หลักทรัพย์ที่ปิดเหนือราคาไอพีโอ โดยสามารถดูรายละเอียดได้ตามตารางด้านล่างนี้

ส่วนความเคลื่อนไหวของหลักทรัพย์ที่เข้าซื้อขายในตลาด mai วันแรก พบว่ามี 3 หลักทรัพย์ที่ปิดต่ำกว่าราคาไอพีโอ และมี 8 หลักทรัพย์ที่ปิดเหนือราคาไอพีโอ โดยสามารถดูรายละเอียดได้ตามตารางด้านล่างนี้

จากตารางด้านบนแสดงให้เห็นว่า นับจากเข้าจดทะเบียนและซื้อขายในตลาดหุ้นจนถึงล่าสุด (ราคาปิด ณ วันที่ 14 พ.ย.68) มีหลักทรัพย์ที่สามารถยืนได้เหนือราคาจองซื้อเพียงแค่ 4 หลักทรัพย์เท่านั้น ขณะที่ 13 หลักทรัพย์ปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจอง

ทั้งนี้ หากลองมาดูที่ค่า P/E ของหลักทรัพย์ดังกล่าว พบว่ามีความน่าสนใจ โดยหลักทรัพย์ที่มีระดับ P/E ไม่เกิน 10 เท่า มีจำนวน 6 หลักทรัพย์ ได้แก่ BKA, SMO, MASTEC, NUT, MMM และ PIS ส่วนหลักทรัพย์ที่มีระดับ P/E เกิน 10 เท่าแต่ไม่ถึง 20 เท่า มีจำนวน 9 หลักทรัพย์ ได้แก่ TURBO, 88TH, ATLAS, IDG, SKIN, MOTHER, WASH, ONSENS และ HANN ขณะที่หลักทรัพย์ MRDIYT และ LTMH มีค่า P/E อยู่ที่ระดับ 21.42 เท่า และ 22.54 เท่า ตามลำดับ

อนึ่ง การที่หลักทรัพย์มีค่า P/E ที่ต่ำ หมายถึงหุ้นที่มีราคาค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของบริษัท ซึ่งอาจเป็นโอกาสในการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นเติบโตและมีคุณค่า และอาจให้ผลตอบแทนที่ดีได้ในอนาคต

Back to top button