สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจวันนี้

สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจประจำวันที่ 2 ก.ย.58


– เงินเยนอยู่ที่ระดับ 120.07 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 120.08 เยน/ดอลลาร์

– เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1261 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1271 ดอลลาร์/ยูโร

– ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,372.45 จุด เพิ่มขึ้น 10.06 จุด หรือ 0.74% มูลค่าการซื้อขาย 41,158.22 ล้านบาท

– สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 996.62 ล้านบาท (SET+MAI)

 

– นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ มอบนโยบายให้ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ โดยระบุว่า นายกรัฐมนตรีฝากให้ดำเนินการในประเด็นที่สำคัญ 3 เรื่อง คือ การดูแลราคาสินค้าและค่าครองชีพ, การดูแลราคาสินค้าเกษตร และปัญหาเรื่องการส่งออก

– ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์(SCB EIC) มองอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของประเทศไทยในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้จะคงยังอยู่ในภาวะชะลอตัว และเฉลี่ยทั้งปีจะติดลบ โดยปัจจัยหลักสำคัญที่จะทำในอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเพิ่มขึ้นจะมาจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงฤดูหนาวปลายปีนี้ โดยทิศทางการฟื้นตัวยังคงไม่ชัดเจนเนื่องจากยังคงมีอุปทานส่วนเกินในตลาดโลกจนเป็นปัจจัยฉุดรั้งการขยายตัวของเงินเฟ้อทั่วไปในหลายภูมิภาคตลอดทั้งปีนี้ และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2558 มีแนวโน้มติดลบ เนื่องจากช่วง 8 เดือนแรกของปี 2558 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปหดตัวที่ระดับ 0.89% และคาดว่าช่วงที่เหลือของปี 2558 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะยังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว

– คณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) เปิดเผยว่า รัฐบาลจีนเตรียมปรับลดค่าธรรมเนียมตามท่าเรือ ด่านศุลกากรและด่านกักสินค้า เพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับภาคธุรกิจ พร้อมระงับการเก็บค่าธรรมเนียมที่ไม่ได้อิงตามกฎหมายก่อนสิ้นปีนี้

– ผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ซึ่งจัดทำโดยธนาคารกลางสิงคโปร์บ่งชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสิงค์โปร์จะขยายตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ และคาดว่าดัชนีผู้บริโภค (CPI) จะหดตัวลงในปีนี้ ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์จะขยายตัว 2.2% ในปีนี้ ซึ่งลดลงเมื่อเทียบกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะขยายตัว 2.7% และคาดว่าดัชนี CPI จะปรับตัวลง 0.2% โดยเฉลี่ยในปีนี้ เมื่อเทียบกับผลการคาดการณ์เมื่อ 3 เดือนที่แล้วว่าดัชนี CPI จะเพิ่มขึ้น 2.6%

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button