เดี๋ยวโดนทุบอีก!

ใครจะหาว่า เดี๊ยนเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายก็ช่าง เพราะสิ่งที่เห็นมาเป็นระยะ ล้วนมีแต่เรื่องที่บั่นทอนจิตใจแทบทั้งนั้น


ใครจะหาว่าเดี๊ยนเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายก็ช่าง เพราะสิ่งที่เห็นมาเป็นระยะ ล้วนมีแต่เรื่องที่บั่นทอนจิตใจแทบทั้งนั้น “โมนิก้า” จึงชอบตั้งคำถามเกี่ยวกับการขึ้นของดัชนีท่ามกลางข่าวร้ายมากมาย มันใช่เรื่องที่ถูกต้องตามหลักการหรือเปล่า? เพราะสุดท้ายหุ้นก็โดนทุบอยู่ดี เลยไม่อยากตั้งความหวังอะไรทั้งสิ้น เพราะองค์ประกอบรอบด้านไม่เอื้อให้นักเล่นขาประจำใส่กันยาว ๆ พะย่ะค่ะ

ฉะนั้นการที่ดัชนีไต่ระดับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,496.96 จุด บวกไป 0.07 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.41 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นเรื่องแฮปปี้สำหรับคนที่เล่นสั้น ๆ และพร้อมจะตัดขายขาดทุนหากเล่นผิดทาง ส่วนคนที่เน้นเล่นยาว ๆ ยังคิดหนักเหมือนเดิม เพราะรอบก่อนก็ขึ้นแค่แป๊บเดียว จึงไม่แน่ใจว่า เที่ยวนี้จะคุ้มกับความเสี่ยงขนาดไหน? เดี๊ยนจึงต้องบรรยายสรรพคุณของหุ้นหลายประเภทให้แฟนคลับได้รู้แบบหมดเปลือกไงล่ะคะ

เหมือนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับแบงก์สีเขียว KBANK ในช่วงสี่เดือนครึ่ง ก็เป็นการเคลื่อนตัวในกรอบ 125-135 บาทเหมือนเดิมทุกประการ แม้หลายคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า หุ้นมีอัพไซด์สูง! แต่สุดท้ายก็ไปไม่ถึงไหนสักที! เดี๊ยนเลยอยากถามนักเล่นว่า การยืนปิดที่ระดับ 131.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.39 พันล้านบาทเหมาะต่อการโหนกระแสขนาดไหนเจ้าค่ะ

เม้าท์ถึงเรื่องการห้อยโหนขึ้นมาทั้งที ก็อยากให้ชำเลืองมองหุ้น SCGP เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับนักเสี่ยงดวง เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 36.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 1.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 586 ล้านบาท หลังจากราคาหุ้นซึมลงเป็นเดือน และยังมีประเด็นกำไรลดเป็นแรงกดดันแบบนี้ มันเหมาะต่อการเข้าเล่นจริงไหม? เพราะในความรู้สึกลึก ๆ ของอีฉัน ยังไม่มั่นใจว่า นี่คือตัวเลือกที่ดีในภาวะผันผวนน่ะซี

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น JMART ก็ถูกดันจากการล้างบ้านให้สะอาดเอี่ยมอ่อง ก็เป็นโมเมนตัมที่นักเล่นต้องเผื่อใจไว้เช่นกัน เพราะแมงเม้าท์พูดไปในทางเดียวกันว่า ไตรมาส 3 น่าจะเคลียร์คัตตัดจบหมดทุกอย่าง และการที่ราคาหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 16.40 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 1.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 392 ล้านบาท น่าจะเป็นการหยั่งเชิงแรงขายสะเด็ดน้ำจริงอ๊ะป่าว?

ในเมื่อคิดจะเล่นสั้นกันทั้งที “โมนิก้า” ต้องมองไปที่หุ้น COM7 เพื่อชี้ให้เห็นแรงซื้อที่เข้ามาเที่ยวนี้เหมือนจะดูดี แต่เมื่อย้อนดูแพทเทิร์นเดิม ๆ ที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ก็ทำให้เชื่อว่า การขึ้นมาปิดที่ระดับ 27.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 236 ล้านบาท น่าจะฝ่าด่านหินที่บริเวณ 29 บาทขึ้นไปยาก ผนวกกับเที่ยวก่อนก็ล่มปากอ่าวเอาดื้อ ๆ เดี๊ยนเลยไม่รู้จะบรรยายอย่างไรค่ะ

เรื่องดังกล่าวทำให้เดี๊ยนระริกระรี้อยากเม้าท์ถึงหุ้น TOA ขึ้นมาทันที! เพราะเมื่อมองความเชื่อมโยงของคนในตระกูล “ตั้งคารวคุณ” มันทำให้คนในแวดวงตลาดหุ้นเสื่อมศรัทธาอย่างหนัก แต่ราคาหุ้นในกระดานดันเสนอหน้าขึ้นมาปิดที่ระดับ 26.50 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 36 ล้านบาทแบบนี้..มันใช่หรือเปล่า? คุณ ๆ ท่าน ๆ ลองไปพิจารณากันดู เพราะน้องโมก็ยังงง ๆ เหมือนกันค่ะ

เรื่องข้างต้นทำให้เดี๊ยนต้องเอ่ยถึงหุ้น NUSA ตามหลังในทันที เพราะทันทีที่ ตลท. พบเห็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับธุรกรรมของบริษัท ก็ทำให้นักเล่นเตลิดเปิดเปิงอย่างหนัก พร้อมกับสาดหุ้นออกมาอย่างหนัก จนราคาหุ้นลงมาปิดที่ระดับ 0.54 บาท ลบไป 0.16 บาท หรือลงไป 22.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 355 ล้านบาท เพราะกลัวจะเป็นสตาร์ค 2 ในอนาคตอันใกล้แบบนี้..เจ๊หมวยต้องออกโรงแจงเพื่อเรียกความมั่นใจแล้วกระมัง..รักนะจุ๊บ..จุ๊บ!

เช่นเดียวกับในรายของ OTO ที่มีสภาพร่องแร่งเหลือคณา ก็เป็นหุ้นอีกตัวที่บรรดาขาเผือกอยากรู้เหมือนกันว่า ธุรกิจจะเดินไปทางไหน? เพราะการที่ “บัณฑิต สะเพียรชัย” เลือกใช้วิธี “ตัดช่องน้อย แต่พอตัว” ก็ดูเหมือนจะมืดแปดด้านไปเลยในทันที ราคาหุ้นถึงซึมกระทือเป็นเวลาร่วมเดือน ขณะที่วานนี้หุ้นยืนปิดที่ระดับ 1.67 บาท ลบไป 0.07 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 49 ล้านบาทแบบนี้..ซีอีโอที่เพิ่งรับไม้ต่อ คงต้องทำอะไรสักอย่างแล้วล่ะค่ะ

Back to top button