“อายิโนะโมะโต๊ะ” คว้ารางวัล “อุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4”

“อายิโนะโมะโต๊ะ” คว้ารางวัล “อุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4” ประจำปี 66 ตอกย้ำความทุ่มเทในการขับเคลื่อนองค์กรสู่วัฒนธรรมสีเขียวอย่างยั่งยืน


กลุ่มบริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ ในประเทศไทย ได้แก่ โรงงานหนองแคและโรงงานเบอร์ดี้ ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว (Green Culture) โดยมี ทินกร ตันติกมล ผู้จัดการโรงงานหนองแค และ ประสาน พอกพูน ผู้จัดการโรงงานเบอร์ดี้ เป็นตัวแทนเข้ารับมอบรางวัล จาก ทาวัน ทวีถาวรสวัสดิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ณ ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก (วิภาวดี) กรุงเทพมหานคร

โดยรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับที่ 4 นั้น คือหลักการทำงานที่ส่งเสริมให้พนักงานทุกคนในองค์กรปฏิบัติงานโดยตระหนักถึงความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกด้านของการประกอบกิจการอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมองค์กร พร้อมทั้งยึดมั่นในการดำเนินงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมทั้งภายในและภายนอกองค์กร เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน จึงทำให้องค์กรได้รับรางวัลดังกล่าว

สำหรับ “โครงการอุตสาหกรรมสีเขียว” ถูกริเริ่มขึ้นโดยกระทรวงอุตสาหกรรม ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2554 เพื่อเป็นการส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมให้มีการประกอบกิจการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งได้แบ่งรางวัลออกเป็น 5 ระดับ โดยเริ่มจากระดับที่ 1 ความมุ่งมั่นสีเขียว, ระดับที่ 2 ปฏิบัติการสีเขียว, ระดับที่ 3 ระบบสีเขียว, ระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว จนถึงระดับสูงสุดคือระดับที่ 5 เครือข่ายสีเขียว  ซึ่งโรงงานในกลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะของเรา ได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว และสามารถดำเนินงานสอดคล้องกับมาตรฐานที่ทางกระทรวงอุตสาหกรรมได้กำหนดไว้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายต่อไปของเราก็คือการได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว ระดับ 5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนั่นเอง

ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ มีความมุ่งมั่นในการสร้าง “คุณค่าร่วมให้กับสังคม” ผ่านการดำเนินการเพื่อลด “ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม” ควบคู่ไปกับการส่งเสริม “สุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้คน” โดยได้มีการกำหนดนโยบายต่าง ๆ เพื่อลดการเกิดของเสียจากการดำเนินงานทุกขั้นตอนอย่างเป็นระบบ รวมถึงลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Green House Gases : GHGs) อย่างต่อเนื่อง

พร้อมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานในการบริหารจัดการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งภายในโรงงานและอาคารสำนักงาน เพื่อบรรลุเป้าหมายในการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมให้ได้ 50% ภายในปี 2030 ตามแผนการส่งเสริมความยั่งยืนของโลกที่บริษัทฯ ได้วางไว้

Back to top button