สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 3 พ.ย.2566

สรุปภาวะตลาดต่างประเทศ ประจำวันที่ 3 พ.ย.2566


ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (3 พ.ย.66) เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐร่วงลงอย่างรุนแรงหลังการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า การจ้างงานในสหรัฐชะลอการขยายตัว และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้น ซึ่งสนับสนุนความหวังที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะยุติการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,061.32 จุด เพิ่มขึ้น 222.24 จุด หรือ +0.66%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,358.34 จุด เพิ่มขึ้น 40.56 จุด หรือ +0.94% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,478.28 จุด เพิ่มขึ้น 184.09 จุด หรือ +1.38%

ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบในวันศุกร์ (3 พ.ย.66) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานหลังจากราคาน้ำมันลดลง แต่ดัชนี FTSE 100 ปรับตัวขึ้นในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,417.73 จุด ลดลง 28.80 จุด หรือ -0.39% แต่ปรับตัวขึ้น 1.7% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกในวันศุกร์ (3 พ.ย.66) และปรับตัวขึ้นมากที่สุดในรอบสัปดาห์นี้นับตั้งแต่เดือนมี.ค. โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย หลังบรรดาธนาคารกลางรายใหญ่ส่งสัญญาณยุติการคุมเข้มนโยบายการเงิน

ทั้งนี้ ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 444.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.77 จุด หรือ +0.17%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,047.50 จุด ลดลง 13.19 จุด หรือ -0.19%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,189.25 จุด เพิ่มขึ้น 45.65 จุด หรือ +0.30% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,417.73 จุด ลดลง 28.80 จุด หรือ -0.39%

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงในวันศุกร์ (3 พ.ย.66) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับอุปทานน้ำมันที่อาจได้รับผลกระทบจากการขยายตัวของสงครามระหว่างอิสราเอล-กลุ่มฮามาส และนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์น้ำมัน โดยเฉพาะจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้าน้ำมันรายใหญ่

ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ร่วงลง 1.95 ดอลลาร์ หรือ 2.4% ปิดที่ 80.51 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลง 5.9% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ร่วงลง 1.92 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 84.89 ดอลลาร์/บาร์เรล และปรับตัวลง 4.8% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

 

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (3 พ.ย.66) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่ปรับตัวลง หลังจากการเปิดเผยรายงานการจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดได้ตอกย้ำการคาดการณ์ของตลาดที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.70 ดอลลาร์ หรือ 0.29% ปิดที่ 1,999.20 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 43.90 เซนต์ หรือ 1.92% ปิดที่ 23.285 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 13.70 ดอลลาร์ หรือ 1.47% ปิดที่ 944.30 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 17.70 ดอลลาร์ หรือ 1.59% ปิดที่ 1,128.30 ดอลลาร์/ออนซ์

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (3 พ.ย.) หลังจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดได้ตอกย้ำการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยุติวงจรการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว

ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลง 1.05% แตะที่ระดับ 105.0166 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่าง ๆ ในวันศุกร์ โดยดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงแตะ 149.3240 เยนในวันศุกร์ (3 พ.ย.) จากระดับ 150.4220 เยนในวันพฤหัสบดี, ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงแตะ 0.8981 ฟรังก์สวิส จาก 0.9059 ฟรังก์สวิส, ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าแตะ 1.3659 ดอลลาร์แคนาดา จาก 1.3751 ดอลลาร์แคนาดา และดอลลาร์สหรัฐร่วงแตะ 10.8744 โครนาสวีเดน จาก11.1124 โครนาสวีเดน

ยูโรแข็งค่าขึ้นแตะ 1.0736 ดอลลาร์สหรัฐในวันศุกร์ จากระดับ 1.0625 ดอลลาร์สหรัฐในวันพฤหัสบดี และปอนด์แข็งค่าแตะ 1.2380 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.2204 ดอลลาร์สหรัฐ

Back to top button