
“เจพีมอร์แกน” แนะเก็บ 3 แบงก์ ลุ้นแผนซื้อหุ้นคืน – Non Bank เด่นรับดอกเบี้ยต่ำ
“เจพีมอร์แกน” มองหุ้นแบงก์ไทย TTB-KTB-KBANK น่าลงทุน ลุ้นโครงการซื้อหุ้นคืน มองบวก Non-Bank รับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง จากค่าใช้จ่ายต้นทุนที่ต่ำลง ราคารถยนต์มือสองที่ดีขึ้น และคุณภาพสินทรัพย์ที่มั่นคง
J.P. Morgan เชื่อว่า วัฎจักรการผ่อนคลายทางการเงินนั้นแสดงถึงโอกาสที่น่าสนใจในการลงทุนในหุ้นธนาคารไทย แม้ว่ามีการปรับปรุงอัตรากำไรต่อหุ้น (EPS) ให้ต่ำลงในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ความมั่นคงด้านคุณภาพสินทรัพย์และโอกาสในผลตอบแทนที่สูงขึ้น จากการจ่ายเงินปันผลและการซื้อคืนหุ้นเป็นแรงขับเคลื่อนหลักสำหรับมุมมองการลงทุนนี้
โดยฝ่ายวิเคราะห์ระบุว่า ในช่วงเก้าเดือนที่ผ่านมา มีการลดอัตราดอกเบี้ยถึงสามครั้ง โดยนักเศรษฐศาสตร์ของเจพีมอร์แกนคาดการณ์ว่าจะมีการลดอีกสามครั้งภายในสิ้นปีนี้ สงผลให้อัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลงมาอยู่ที่ 1% โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างเสถียรภาพให้กับเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์การค้าที่ท้าทายและผลกระทบต่อการบริโภคในประเทศ
อนึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 10 มีนาคม เจพีมอร์แกนปรับมุมมองเป็นเชิงบวกต่อธนาคารในภูมิภาคที่ธนาคารกลางยังมีช่องว่างให้สามารถลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้อย่างมาก โดยคาดการณ์ว่าค่าเงินดอลลาร์แตะจุดสูงสุดไปแล้ว ซึ่งนับตั้งแต่ช่วงเวลานั้นเป็นต้นมา ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ได้ลดลงเกือบ 10% จากระดับสูงสุดในปี และการผ่อนคลายทางนโยบายได้เริ่มขึ้นใน อินเดีย ฟิลิปปินส์ ไทย และเกาหลี สถานการณ์นี้ทำให้ธนาคารไทยอยู่ในตำแหน่งที่ดี โดยเฉพาะแผนการซื้อหุ้นคืนของธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB และการคาดการณ์การจ่ายปันผลที่เพิ่มขึ้นสำหรับปีงบประมาณการเงิน 2567
โดย ฝ่ายวิเคราะห์คาดว่า ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB และ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK จะประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนเมื่อธนาคารแห่งประเทศไทยผ่อนคลายกฎระเบียบลง โดยพิจารณาจากปัจจัยเหล่านี้ เจพีมอร์แกนยังคงมีมุมมองเป็น Overweight สำหรับธนาคารทั้งสามแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้น Non-Bank ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่ลดลง จากค่าใช้จ่ายต้นทุนที่ต่ำลง ราคารถยนต์มือสองที่ดีขึ้น และคุณภาพสินทรัพย์ที่มั่นคง