EXIM BANK ปลื้ม กำไร Q1 พุ่ง 223% พาลูกค้าฝ่าวิกฤต

EXIM BANK โชว์งบไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิ 427 ล้านบาท โตทะลุเป้า 223% ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจผันผวนและแรงกดดันจากนโยบายภาษีสหรัฐฯ เดินหน้าออกมาตรการช่วยผู้ส่งออก เสริมแกร่งธุรกิจไทยทั้งด้านการลงทุนต่างประเทศ ความยั่งยืน และการบริหารความเสี่ยง พร้อมคุมคุณภาพสินทรัพย์ในระดับมั่นคง


นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสที่ 1 ปี 2568 ว่าธนาคารมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 427 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 223.20% สูงกว่าที่กำหนดไว้ในแผนธุรกิจ สะท้อนศักยภาพในการบริหารจัดการท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันจากมาตรการภาษีของสหรัฐฯ ทัั้งนี้ เพื่อรับมือกับผลกระทบจากนโยบายภาษีตอบโต้  ธนาคารได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือผู้ส่งออก อาทิ การจัดตั้งคลินิกผู้ประกอบการเพื่อให้คำปรึกษาด้านการค้าและการบริหารจัดการ พร้อมสนับสนุนให้ผู้ประกอบการขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ที่มีศักยภาพ

ขณะเดียวกัน ณ สิ้นไตรมาสแรกปี 2568 ธนาคารอนุมัติวงเงินสินเชื่อใหม่รวม 10,961 ล้านบาท และมีสินเชื่อคงค้างรวม 189,928 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.03% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นสินเชื่อเพื่อการลงทุน 137,636 ล้านบาท ซึ่งรวมถึงสินเชื่อในโครงการระหว่างประเทศ 44,503 ล้านบาท และกลุ่มประเทศ CLMV รวมถึงตลาดใหม่อีก 39,654 ล้านบาท ธนาคารยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนตามแนวทาง ESG ด้วยการออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินเพื่อสิ่งแวดล้อม เช่น สินเชื่อ Sustainability Linked Loan, EXIM Green Goal และ EXIM Green Start สำหรับ SMEs ส่งผลให้สินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนมีมูลค่าสูงถึง 77,387 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40.75% ของสินเชื่อรวม

ส่วนด้านสังคม ธนาคารมีบทบาทในการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งช่วงวิกฤตและการฟื้นตัว โดยมีมาตรการเฉพาะกลุ่ม เช่น ช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว การปรับโครงสร้างหนี้เชิงป้องกัน (Pre-emptive) และโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” เพื่อช่วยลูกหนี้ SMEs ที่มีหนี้ไม่เกิน 5 ล้านบาท ให้สามารถปิดหนี้ได้ไวและดำเนินธุรกิจต่อได้อย่างมั่นคง

ด้านการบริหารความเสี่ยง ธนาคารมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) จำนวน 6,822 ล้านบาท คิดเป็น 3.83% ของพอร์ตสินเชื่อรวม พร้อมตั้งค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นไว้ที่ 17,545 ล้านบาท หรือ Coverage Ratio อยู่ที่ 257.18% ถือเป็นระดับที่แข็งแกร่ง สะท้อนความพร้อมในการรองรับผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัวและความไม่แน่นอนด้านการค้าในอนาคต

Back to top button