
CPAXT รายได้ค้าส่ง-ปลีกพุ่ง ดัน Q1 ฟาดกำไรแตะ 2.64 พันล้าน
CPAXT เปิดกำไรไตรมาส 1/68 เติบโต 6% แตะ 2.64 พันล้านบาท จากปีก่อนมีกำไร 2.48 พันล้านบาท รับปัจจัยหนุนธุรกิจค้าส่ง - ค้าปลีกเด่น ดันรายได้ทะลุ 1.29 แสนล้านบาท
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคม 2568 พบว่ามีกำไรสุทธิ ดังนี้
บริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/68 อยู่ที่ 2,643.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 2,481.35 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก บริษัทฯ และบริษัทย่อยมีรายได้รวมทั้งสิ้น 129,950 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 2,930 ล้านบาท หรือ 2.30% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายสินค้าจำนวน 124,749 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 3,567 ล้านบาท หรือ 2.90% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการเติบโตของรายได้จากการขายของกลุ่มธุรกิจค้าส่ง 3.10% หนุนจากการเติบโตของทุกหน่วยธุรกิจ
โดยหลักมาจากสาขาใหม่และยอดขายนอกร้านพร้อมการส่งสินค้าถึงลูกค้า (Omni Channel) ซึ่งได้รับปัจจัยสนันสนุนจาก การเติบโตของยอดขายกลุ่มสินค้าอาหารสด กลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (“Private label”) และสินค้า แบรนด์ในราคาที่คุ้มค่าที่มีจำหน่ายเฉพาะที่บริษัทฯ (Exclusive brand) ในขณะที่รายได้จากการขายของกลุ่ม ธุรกิจค้าปลีกเพิ่มขึ้น 2.70% จากกลยุทธ์ในการมุ่งเน้นกลุ่มสินค้าอาหารสด รวมทั้งสินค้าพร้อมปรุง และการขาย ผ่าน Omni Channel
ทั้งนี้สัดส่วน Omni Channel ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยคิดเป็น 20.20% ของรายได้จากการขายสินค้า โดยยังคงเติบโตอย่างก้าวกระโดดและเป็นไปตามแผน ด้วยกลยุทธ์การขายนอกร้านผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งได้รับการจัดอันดับจาก Euromonitor International ผู้นำด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและการวิจัยตลาดระดับโลกให้ เป็น แพลตฟอร์ม Grocery E-Commerce อันดับ 1 ของประเทศไทย
รวมทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกด้วยเทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์สะท้อนจากการขยายฐานลูกค้าและการตอบสนองความต้องการได้อย่างแม่นย า ตอกย้ำถึงความ เป็น “ผู้นำเทคโนโลยีค้าปลีกค้าส่ง” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและการเติบโตอย่างยั่งยืน
ขณะที่ สัดส่วนต้นทุนในการจัดจำหน่ายและค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้รวมปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 13.10% ลดลง จาก 13.30% ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกมีสัดส่วนต้นทุนในการจัดจำหน่าย และค่าใช้จ่ายในการบริหารคิดเป็นสัดส่วนต่อรายได้รวมอยู่ที่ 9.90% และร้อยละ 17% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ในไตรมาส 1/68 กลุ่มธุรกิจค้าส่งมีรายได้ค่าเช่าและรายได้จากการให้บริการศูนย์การค้าจำนวน 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท หรือ 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน มีปัจจัยหลักมาจาก การขยายพื้นที่เช่าทั้งจากการเปิดสาขาใหม่และขยายพื้นที่เช่าเพิ่มเติมในสาขาเดิมของธุรกิจแม็คโครประเทศไทย
บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) (CPAXT) ผู้นำธุรกิจค้าส่งค้าปลีก “แม็คโคร-โลตัส” รายงานผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2568 โดยมีรายได้รวม 129,950 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิหลังรายการปรับปรุงเติบโตขึ้น 10.3% โดยได้รับแรงหนุนจากยอดขายที่เติบโตทั้งในธุรกิจค้าส่งและค้าปลีก ซึ่งเกิดจากการเปิดสาขาใหม่ การขายนอกร้าน และการขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ยอดขายดังกล่าวเติบโตอย่างโดดเด่นในกลุ่มสินค้าอาหารสด, กลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (Private Label) และสินค้าแบรนด์เฉพาะที่มีจำหน่ายเฉพาะที่แม็คโครและโลตัสเท่านั้น (Exclusive Brand) อีกทั้ง การผนึกกำลังภายในกลุ่มธุรกิจเพื่อเพิ่มมูลค่าและประสิทธิภาพในการดำเนินงาน (Synergistic Value) ยังส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังคงบริหารจัดการทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในด้านการลดภาระหนี้และการปรับปรุงกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯ มีสภาพคล่องที่แข็งแกร่งและฐานะทางการเงินที่มั่นคง
นอกจากนี้ ซีพี แอ็กซ์ตร้า ยังตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีค้าปลีก (Retail Tech) ในระดับภูมิภาค โดยในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Euromonitor International ได้จัดอันดับให้ Makro PRO เป็นแพลตฟอร์ม Grocery E-Commerce อันดับ 1 ของประเทศไทย ด้วยส่วนแบ่งตลาดยอดขายในปี 2567 ที่ 39.5% ขณะที่ Lotus’s SMART App มีส่วนแบ่งตลาดตามมาเป็นอันดับ 2 ที่ 19.5% จากมูลค่าตลาด Grocery E-Commerce ในไทยที่มีมูลค่า 64,000 ล้านบาท
นายธานินทร์ บูรณมานิต ประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มบริษัท CPAXT เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 1 ของปี 2568 ยังคงเติบโตแข็งแกร่ง และสอดคล้องกับแผนธุรกิจที่วางไว้ โดยบริษัทมุ่งเน้นเพิ่มสัดส่วนรายได้จากกลุ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทฯ (Private Label) ซึ่งเน้นคุณภาพดีในราคาคุ้มค่า ครอบคลุมทุกหมวดหมู่สินค้า
นอกจากนี้ ยังมีแผนต่อยอดกลุ่มสินค้าอาหารพร้อมปรุง–พร้อมทาน (RTC–RTE) ผ่านความร่วมมือกับเชฟชื่อดังและแบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ เพื่อมอบประสบการณ์ที่แตกต่างและตอบสนองความต้องการของทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการอย่างรอบด้าน
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2568 บริษัทฯ เดินหน้าผลักดันกลยุทธ์หลักในการสร้างการเติบโตผ่านทุกช่องทางจำหน่าย โดยเฉพาะการขายออนไลน์และนอกร้าน พร้อมพัฒนาเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง รวมถึงนำ AI มาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภคแบบ Hyper-Personalization เพื่อสามารถนำเสนอสินค้าที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ และเพิ่มอัตราการตัดสินใจซื้อ
ขณะเดียวกัน CPAXT ยังเดินหน้าขยายสาขา ปรับโฉมร้านค้า และพัฒนาพื้นที่เช่า ภายใต้แนวคิด “พื้นที่ความสุขของชุมชน” ที่ออกแบบให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะของแต่ละพื้นที่ เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิตอย่างยั่งยืน ผ่านบทบาทในการเป็นแหล่งอาหารและสุขภาพ การสร้างงานและอาชีพให้กับคนในพื้นที่
ตัวอย่างโครงการที่ดำเนินอยู่ ได้แก่ โครงการ “มิตรแท้โชห่วย”, โครงการ “60 ยังแจ๋ว” การรับซื้อสินค้าจากเกษตรกรและ SMEs ในท้องถิ่นโดยตรง พร้อมจัดกิจกรรมร่วมกับชุมชนและสังคมอย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจตามแผนกลยุทธ์เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยล่าสุดได้รับรางวัลระดับสากล ได้แก่
แม็คโคร ภายใต้ซีพี แอ็กซ์ตร้า ได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่งใน Asia-Pacific’s Best Companies of 2025 โดยนิตยสาร TIME และ Statista ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยตลาดชั้นนำ ด้วยคะแนนสูงถึง 90.45 จาก 100 คะแนน ติดอันดับท็อป 5 ของบริษัทไทย
รางวัล Top Employer 2025 in Thailand ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จากสถาบัน Top Employers Institute ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่งยกย่ององค์กรที่มีมาตรฐานการบริหารและพัฒนาบุคลากรยอดเยี่ยม
ซีพี แอ็กซ์ตร้า ยืนยันเจตนารมณ์ในการขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสิ่งแวดล้อม ใส่ใจสังคม และดำรงไว้ซึ่งธรรมาภิบาล เพื่อสร้างคุณค่าและความไว้วางใจจากลูกค้าและสังคม พร้อมมอบผลตอบแทนที่ดีในระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้นและนักลงทุน