
PCE โชว์กำไร Q1 แตะ 28 ล้านบาท! แย้มไตรมาส 2 สดใส รับออเดอร์จีน-อินเดียทะลัก
PCE เปิดผลการดำเนินการไตรมาสที่ 1/68 รายได้รวม 5,473.7 ล้านบาท กำไรสุทธิ 28 ล้านบาท แนวโน้มไตรมาส 2/68 สดใส หลังการส่งออกจีน-อินเดีย สัญญาณดี เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตรองรับออเดอร์ พร้อมตอกย้ำแผนการดำเนินธุรกิจควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อการเเติบโตอย่างยั่งยืน
นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2568) บริษัทฯ มีรายได้ จำนวน 5,473.7 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ จำนวน 28 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 5,436.8 ล้านบาท
โดยรายได้หลักของบริษัทฯ ยังคงมาจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม, ผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากปาล์ม (By Product), การส่งออกผลิตภัณฑ์ RBDPKO, ธุรกิจไฟฟ้า, ธุรกิจขนส่งและบริการ รวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงินที่ดี
สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/2568 มีทิศทางที่ดี ผลผลิตปาล์มสดจากสวนเริ่มออกมา โดยเฉพาะการส่งออกน้ำมันปาล์มไปจีน และอินเดีย ขณะเดียวกันบริษัทฯ เตรียมแผนขยายกำลังการผลิต เน้นเพิ่มมูลค่าสินค้า เพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้น รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนากลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้
ทั้งนี้ ภาพรวมธุรกิจ PCE ในไตรมาส 2 ยังคงมีทิศทางที่สดใส คาดว่าผลผลิตปาล์มน้ำมันในไตรมาส 2 เริ่มออกมาเป็นจำนวนมากหนุนรายได้ในปีนี้จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องสู่ระดับ 30,000 ล้านบาทตามเป้าหมาย และเราได้ให้ความสำคัญต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
รวมถึงให้ความสำคัญด้านการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดน้ำมันปาล์มและอื่น ๆ ด้วยการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ปาล์ม เช่น น้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) และน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) โดยเพิ่มยอดการจัดจำหน่ายมากกว่า 40,000 ตันจากเดิม 15,000 ตัน และวางแผนการส่งออกกะลาปาล์มคุณภาพสูงไม่น้อยกว่า 120,000 ตันต่อปี อันเป็นการเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร หนุนรายได้เกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน
อีกทั้ง ยังเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และสร้างผลตอบแทนระยะยาวผ่านการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ และพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรมควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน นายพรพิพัฒน์ กล่าวในที่สุด