UBE โชว์กำไร Q1 แตะ 57 ล้านบาท ลุยต่อพลังงานสะอาด-เกษตรอินทรีย์โลก

UBE โชว์ผลงานไตรมาส 1/2568 มีกำไรสุทธิ 57.2 ล้านบาท โต 1,328% จากไตรมาสก่อนหน้า รับธุรกิจเอทานอลทำรายได้พุ่ง 686.6 ล้านบาท โต 7.0% รายได้ต่างประเทศทะยาน 416.1 ล้านบาท โต 8.6% พร้อมมุ่งเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนและผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์มาตรฐานสากล


นางสาวสุรียส โควสุรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อุบล ไบโอ เอทานอล จำกัด (มหาชน) (บริษัทฯ) หรือ UBE ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์แปรรูปจากมันสำปะหลังรายใหญ่ของประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 (มกราคม-มีนาคม) บริษัทฯ อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ โดยมีรายได้รวม 1,441 ล้านบาท เติบโต 1.7% และทำกำไรสุทธิ 57.2 ล้านบาท เติบโต 1,328.0% จากไตรมาสก่อนหน้า

ทั้งนี้เป็นผลมาจากแรงขับเคลื่อนธุรกิจเอทานอล โดยสามารถทำรายได้ 686.6 ล้านบาท เติบโต 7.0% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากความสามารถในการแข่งขันทางด้านราคา ส่วนธุรกิจแป้งมันสำปะหลังและฟลาวทำรายได้ 533.0 ล้านบาท เติบโต 6.9% จากไตรมาสก่อนหน้า จากการที่ผลิตภัณฑ์สามารถตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมาจากปริมาณขายแป้งออร์แกนิกและ แป้งมันสำปะหลังแบบทั่วไปที่เพิ่มขึ้น

ขณะที่ธุรกิจร้านอาหาร 171.8 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค ทำให้ปีนี้วางแผนขยายธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นโอชิเน เพิ่มอีก 3 สาขา จากปัจจุบันมี 28 สาขา ตอกย้ำความสามารถของพอร์ตโฟลิโอทั้ง 3 กลุ่ม ในการสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ส่วนรายได้ต่างประเทศ 416.1 ล้านบาท เติบโต 8.6% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งผลงานที่โดดเด่นยังคงเป็นผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังออร์แกนิกและแป้งมันสำปะหลังที่มีคุณภาพสูง (High Value Products)

อีกทั้ง ความต้องการของตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ส่วนตลาดภายในประเทศ 1,025.2 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 0.8% อย่างไรก็ตามในไตรมาส 1/2568 กำไรขั้นต้นของ บริษัทฯ เพิ่มขึ้น 51.5% QoQ ซึ่งเป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้นทุนวัตถุดิบมันสำปะหลังที่ลดลง

นางสาวสุรียส กล่าวว่า แผนธุรกิจในไตรมาส 2/2568 มุ่งมั่นเป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทน พร้อมนำเสนอผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์คุณภาพและได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล โดยจะขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการอย่างต่อเนื่อง พร้อมดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนครอบคลุมทุกมิติของ ESG ทั้งทางด้าน สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรไทย และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มตลอดห่วงโซ่อุปทาน

โดยมุ่งสร้างโมเมนตัมการเติบโตและรับกับความท้าทายทุกมิติ โดยมีกลยุทธ์สำคัญ ดังนี้ 1.) การยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทาน ด้วยการนำเทคโนโลยี Automation และ Digital Transformation มาประยุกต์ใช้ 2.) การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เพื่อการขับเคลื่อนการเติบโตด้วยนวัตกรรม 3.) การลงทุนไปในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นโอชิเน เพื่อสร้างความสมดุลของพอร์ตโฟลิโอและลดความผันผวนและกระจายความเสี่ยง

นอกจากนี้ บริษัทฯ วางแผนบริหารความเสี่ยงความผันผวนราคาวัตถุดิบและราคาขาย โดยปรับกลยุทธ์การทยอยรับซื้อวัตถุดิบฤดูกาลใหม่ที่ราคาต่ำและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อรับกับสถานการณ์อุตสาหกรรมเอทานอลไตรมาส 2/2568 ที่ปริมาณการใช้เอทานอลทรงตัว ประกอบกับราคาที่มีแนวโน้มลดลง เป็นแรงกดดันให้เกิดการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง ส่วนตลาดแป้งมันสำปะหลังและฟลาวแนวโน้มความต้องการแป้งมันสำปะหลังในตลาดนี้มีสัญญาณเติบโตเพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาลดลงจากปีก่อนตามราคาวัตถุดิบมันสดที่ลดลง โดยคาดการณ์ในไตรมาส 2-3 ราคาแป้งมันสำปะหลังมีแนวโน้มสูงขึ้น จากปริมาณวัตถุดิบที่ออกสู่ตลาดน้อยลง (Low-season)

สำหรับสถานการณ์ธุรกิจในตลาดต่างประเทศในช่วงที่เหลือของปีนี้ ตลาดแป้งมันสำปะหลังและฟลาวยังมีศักยภาพเติบโตต่อเนื่อง จากความต้องการของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นและเทรนด์ใหม่ที่น่าจับตามอง ได้แก่ ฟลาวมันสำปะหลัง ยังเป็นทางเลือกยอดนิยมในตลาดเบเกอรี่และอาหารแปรรูปที่ปราศจากกลูเตนและไม่ก่อภูมิแพ้ (Gluten-Free & Allergen-Free)

รวมไปถึงการบริโภคอาหารฟังก์ชัน หรืออาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำและไม่มีการตัดต่อพันธุกรรม ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกธุรกิจแป้งมันสำปะหลังปี 2567 เติบโตประมาณ 14% โดยคาดการณ์ภายใน 10 ปีข้างหน้าจะเติบโตมากกว่า 10% ต่อปี ด้วยปัจจัยจากความต้องการของตลาดอาหารออร์แกนิกโลกที่ใช้แป้งออร์แกนิกและสารให้ความหวานเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต

Back to top button