
พาราสาวะถี
ไม่ใช่ละครน้ำเน่าประเภทตบจูบก็ใกล้เคียง สำหรับศึกภายในรัฐบาลระหว่างพรรคสีแดงกับพรรคสีน้ำเงิน เพราะปลายทางยังเชื่อกันว่าจะจบลงแบบหนังไทยคือ แฮปปี้เอนดิ้ง
ไม่ใช่ละครน้ำเน่าประเภทตบจูบก็ใกล้เคียง สำหรับศึกภายในรัฐบาลระหว่างพรรคสีแดงกับพรรคสีน้ำเงิน เพราะปลายทางยังเชื่อกันว่าจะจบลงแบบหนังไทยคือ แฮปปี้เอนดิ้ง เพราะสถานการณ์ทางการเมืองหลังเลือกตั้งที่ผ่านมา มันถูกบีบให้พรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน จำเป็นต้องจับมือกันให้แน่น เพื่อเดินไปสู่หมุดหมายที่วางกันไว้สำหรับการเลือกตั้งครั้งต่อไป หากแตกหักกันวันนี้มีแต่กอดคอกันลงเหว จะเอาผลการเลือกตั้งท้องถิ่นมาเป็นตัวชี้วัดผลเลือกตั้งทั่วไปไม่ได้
ต้องเข้าใจความแตกต่างระหว่างการเมืองท้องถิ่นกับระดับประเทศ เลือกตั้งสส.หนก่อนฝ่ายตรงข้ามปลุกกระแสบ้านใหญ่ชนกับการเมืองรุ่นใหม่ ในภาวะที่สังคมต้องการความเปลี่ยนแปลง จึงทำให้กำชัยชนะถล่มทลาย ขณะที่การเลือกตั้งท้องถิ่นบ้านใหญ่รู้ว่ากระแสไม่มีผลเท่ากับกระสุน ข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ หากคนทำงานไม่แข็งแรง ล็อกเป้าไม่เก่ง มีโอกาสพ่ายแพ้ได้ตลอดเวลา ขณะที่การเมืองภาพใหญ่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ผลงานอันสัมผัสจับต้องได้ของรัฐบาล
ประเด็นฮั้วเลือกสว.ที่ถูกมองว่าพรรคเพื่อไทยกำลังเล่นเกมบู๊ล้างผลาญกับภูมิใจไทย ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนคนส่วนใหญ่ก็เชื่อว่าเป็นเช่นนั้น แต่อย่าลืมกรณีนี้มันมีช่องโหว่ช่องว่างที่คนลงมือทำให้เกิดการฮั้วไม่คิดว่าจะสามารถเอาผิดได้ โดยอาจเชื่อมั่นในเรื่องคอนเน็กชัน และบารมีที่คุ้มกะลาหัวได้ จึงเกิดความเหิมเกริม คิดว่าทำกันเนียน พอกกต.ขยับจับมือกับดีเอสไอลุยคดีนี้ ประเดิมด้วยการออกหมายเรียก 54 สว.เข้าให้ปากคำกับคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนส่วนกลางของกกต. ชุดที่ 26 เท่านั้น
ปรากฏว่าพบหลักฐานเพียบ มีความผิดปกติหลายอย่างที่ถูกตรวจพบ การเคลื่อนไหวของกลุ่มสว.สำรองที่จี้ติดกกต. ทวงถามความคืบหน้าพร้อมความรับผิดชอบต่อความล่าช้าที่เกิดขึ้น นั่นเป็นเพราะต่างได้ข้อมูลของความไม่ชอบมาพากลทั้งหมดมาโดยตลอด ตั้งแต่การเลือกระดับอำเภอ มาถึงระดับจังหวัด กระทั่งระดับประเทศ คดีนี้ต้องไม่ลืมว่าภาพการเดินหน้าของกกต.แบบเอาจริงเอาจัง ทั้งที่ไม่ค่อยจะเห็นแอ็กชันแบบนี้เท่าไหร่ ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจในกระบวนการตรวจสอบเพื่อเอาผิดได้เป็นอย่างดี
เรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าจะไปรับลูก หรือมีแรงกดดันจากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ เพราะคนที่เป็นคณะทำงานทั้งหมดไม่ว่าจะจากกกต.หรือดีเอสไอ หากไร้ซึ่งพยาน หลักฐาน เท่ากับเป็นการกลั่นแกล้ง จงใจให้ผู้ถูกกล่าวหาได้รับความเสียหาย ย่อมมีโอกาสถูกฟ้องติดคุกหัวโตได้ การปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ของแกนนำเพื่อไทย พร้อมโยนให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อต้องการยืนยันว่าทุกอย่างเดินไปตามกระบวนการอย่างถูกต้อง ขณะที่ฝ่ายยื่นร้องก็ไม่ได้มีแค่กลุ่มผู้สมัครสว.ที่ไม่ได้รับเลือกเท่านั้น
อย่างรายของ ณฐพร โตประยูร อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ยื่นหนังสือถึงอัยการสูงสุด เพื่อขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญเอาผิดกับพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องกับการฮั้วเลือกสว. โดยกล่าวหาว่าพฤติการณ์การกระทำของพรรคดังกล่าวและคณะบุคคล เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง เป็นภัยร้ายแรงต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเป็นคดีที่ประชาชนและสื่อมวลชนทุกฝ่ายให้ความสนใจ มีผลกระทบเป็นวงกว้าง
งานนี้พรรคแกนนำจึงตีชิ่งได้สบาย มิหนำซ้ำ การที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หยุดปฏิบัติหน้าที่ในการกำกับดูแลดีเอสไอ และการเป็นกรรมการคดีพิเศษ ย่อมเป็นการการันตีว่าคดีในมือของกกต.ไม่มีฝ่ายการเมืองที่มีอำนาจไปชี้นิ้วสั่งการ หรือบงการได้ แต่จะบอกว่าปราศจากเรื่องการเอาคืนกันทางการเมืองเสียทีเดียวคงพูดได้ไม่เต็มปาก เพราะการประชุมคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริต สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว มีประเด็นที่อาจทำให้แกนนำพรรคสีน้ำเงินไม่พอใจ
คณะกรรมาธิการป.ป.ช.ชุดนี้ มี ฉลาด ขามช่วง สส.ร้อยเอ็ดของเพื่อไทยเป็นประธาน ระหว่างการประชุม กุสุมาวตี ศิริโกมุท สว.สำรอง อดีตสส.เพื่อไทย เปิดข้อมูลฮั้วพร้อมพาดพิงถึง อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคสีน้ำเงิน รู้เห็นกระบวนการฮั้วสว. จนทำให้ สุขสมรวย วันทนียกุล สส.อำนาจเจริญ พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นโต้แบบดุเดือดกลางวงประชุม ยืนยันเสี่ยหนูและพรรคต้นสังกัดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการฮั้ว
ต้องอย่าลืมตามข่าวที่คณะทำงานของกกต.ออกหมายเรียกสว.มาชี้แจงนั้น ศูนย์กลางของการตั้งต้นขบวนการฮั้วทั้งหมดอยู่ที่จังหวัดอำนาจเจริญ พอต่อจิ๊กซอว์กับข่าวจากวงประชุมกรรมาธิการป.ป.ช. มันเลยทำให้เกิดความสงสัยเพิ่มขึ้นไปอีก แต่อย่างที่บอก สุดท้ายเรื่องนี้จะไม่มีผลต่อความสัมพันธ์ภายในรัฐบาล ทั้งหมดอยู่ที่เสี่ยหนูและทีมกุนซือว่าจะตอบโต้ หรือเลือกที่จะวางเฉยแล้วปล่อยให้ทุกอย่างว่ากันไปตามกระบวนการ
เห็นกันอยู่ ฟากผู้มีบารมีในพรรคแกนนำรัฐบาล ใช้การขับเคลื่อนผ่านมือทำงานที่วางใจอย่าง ธรรมนัส พรหมเผ่า ขยับทั้งการดูดสส.ต่างฝ่ายย้ายค่ายมาเข้าคอกพรรคกล้าธรรม รวมไปถึงการดึงระดับแกนนำของซีกฝ่ายค้านมาร่วมงาน ทั้งหมดเหล่านี้เพื่อที่จะเป็นการแสดงให้เห็นว่า ต่อให้ภูมิใจไทยจะถอนตัว ก็สามารถไปต่อได้ กับระยะเวลาที่เหลืออีกไม่ถึง 2 ปีจะมีการเลือกตั้งใหม่ ถามว่าจะมีพรรคร่วมรัฐบาลพรรคไหนอยากจะไปเป็นฝ่ายค้านบ้าง
จำเป็นที่จะต้องกลืนเลือด ยอมบอบช้ำบ้าง เพื่อแลกกับการได้อยู่ในขบวนแห่งอำนาจต่อไป อาจจะถูกมองว่าเพื่อไทยกับภูมิใจไทยมีความเห็นแตกต่างกันมาตลอดนับแต่ร่วมรัฐบาล แต่นั่นก็เป็นหนทางตามวิถีของระบอบประชาธิปไตย ซับซ้อนไปกว่านั้น ไม่ใช่แค่การโยนให้เป็นเรื่องที่ต้องแยกจากกันระหว่างท่วงทำนองของฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหาร ในส่วนของระดับผู้นำที่มีอำนาจตัดสินใจทุกพรรค ภาพเบื้องหน้าที่ปรากฏผ่านสื่อ กับฉากหลังที่ได้พบปะคุยกันกับนายใหญ่ ล้วนต่างกันอย่างสิ้นเชิง
อรชุน