
หุ้นยุโรปปิดลบ แรงขายหุ้นค้าปลีก จับตากฎหมายลดภาษีสหรัฐ
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อย กดดันจากหุ้นค้าปลีกแบรนด์หรูร่วง นักลงทุนรอความชัดเจนร่างกฎหมายลดภาษีสหรัฐฯ ขณะหุ้นเทคโนโลยีหนุนดัชนีบางตลาดฟื้นตัว
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเล็กน้อยในวันพุธ (21 พ.ค.68) จากแรงกดดันของหุ้นกลุ่มค้าปลีกและแบรนด์หรู ขณะที่นักลงทุนยังติดตามความคืบหน้าร่างกฎหมายลดภาษีของสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจสร้างภาระหนี้ใหม่และเพิ่มความไม่แน่นอนในตลาดการเงินโลก
- ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 82 จุด ลดลง 0.20 จุด หรือ -0.04%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 7,910.49 จุด ลดลง 93 จุด หรือ –0.40%
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี ปิดที่ 24,122.40 จุด เพิ่มขึ้น 29 จุด หรือ +0.36%
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นอังกฤษ ปิดที่ 8,786.46 จุด เพิ่มขึ้น 34 จุด หรือ +0.06%
หุ้นกลุ่มค้าปลีกนำตลาดร่วง โดย JD Sports ของอังกฤษ ดิ่งกว่า 10% หลังรายงานยอดขาย Q1 ลดลง 2% และเตือนว่าราคาสินค้าที่สูงในสหรัฐฯ เริ่มกระทบอุปสงค์ผู้บริโภค
ขณะเดียวกัน กลุ่มแบรนด์หรูอย่าง LVMH, Hermès และ Kering ร่วงกว่า 2% หลัง Chanel เผยยอดขายปีล่าสุดลดลง 4.3%
สวนทางกับกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่น โดยหุ้น Infineon พุ่ง 2.3% จากความร่วมมือกับ Nvidia พัฒนาชิปพลังงานสำหรับศูนย์ข้อมูล AI ซึ่งช่วยหนุนความเชื่อมั่นในกลุ่มเทค
ด้านนักวิเคราะห์เตือนว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับร่างกฎหมายภาษีสหรัฐ ซึ่งอาจทำให้หนี้สาธารณะสหรัฐเพิ่มขึ้น 3-5 ล้านล้านดอลลาร์ ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์และตลาดบอนด์ผันผวนต่อเนื่อง
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศบวก 0.5% หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคาะแบบระบบ Golden Dome มูลค่า 1.75 แสนล้านดอลลาร์
ข้อมูลเงินเฟ้ออังกฤษเดือนเมษายนสูงกว่าคาด โดยเฉพาะหมวดที่ ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ให้ความสำคัญ ส่งผลให้แนวโน้มลดดอกเบี้ยของอังกฤษยิ่งชะลอ