
โชคดีประเทศไทย?
หลังจากไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมืองมาเป็นเวลานาน “โมนิก้า” ขอใส่เต็มในเรื่องของคนหวงอำนาจ เพื่อชี้ให้เห็นสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยที่กำลังตกต่ำเรื่อย ๆ
หลังจากไม่ได้พูดถึงเรื่องการเมืองมาเป็นเวลานาน “โมนิก้า” ขอใส่เต็มในเรื่องของคนหวงอำนาจ เพื่อชี้ให้เห็นสถานการณ์ของพรรคเพื่อไทยที่กำลังตกต่ำเรื่อย ๆ หลังพฤติกรรมที่แสดงออกมาส่อไปในทางทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น และตัวการที่ทำให้ประเทศไทยเดินมาถึงจุดนี้ ก็มาจากการกระทำของนักการเมืองตัวดีที่ชอบอ้างประชาธิปไตยบังหน้า แต่คงลืมไปว่า ยุคนี้มันมีฟุตพริ้นท์ที่บันทึก “ความดี..ความเลว” ไว้หมดนะจ๊ะ
งานนี้บอกได้เลยว่า “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง” อีฉันเลยเฉย ๆ กับการประกาศยุบสภา เพราะของมันเห็นกันมานานแล้วว่า ผู้กุมชะตาพรรคอย่างโทนี่เป็นคนแบบไหน? ขณะเดียวกันก็จะทำให้ประชาชนได้มีโอกาสลงโทษพรรคการเมืองที่ชอบตระบัดสัตย์แบบนี้ “โมนิก้า” บอกได้เลยว่า ในไม่ช้าอาจได้เห็นคนถีบหัวส่งพรรคสีแดงเป็นจำนวนมาก ซึ่งดูได้จากผลโพลก่อนหน้านี้ที่บอกว่า เรตติ้งตกฮวบ..อิอิอิ
ประเด็นดังกล่าวถูกตอกย้ำด้วยการทะยานขึ้นของดัชนีขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,259.31 จุด บวกไป 10.53 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.47 หมื่นล้านบาท ซึ่งเหมือนเป็นการปลดล็อกความกังวลเรื่องการเมืองไปเปราะหนึ่ง (ของใหม่น่าจะดีกว่าของเก่า) แถมคนที่อยู่วงนอกก็มองเหมือนกันว่า เพื่อไทยยื้อจนถึงวินาทีสุดท้ายทำไม? ในเมื่อตอนที่ “อุ๊งอิ๊ง” โดนสอยเรื่องจริยธรรม ก็ประกาศยุบสภาไปเลยซิ! และไม่ต้องรอเช็กเสียงจากพรรคประชาชนนะนาย!
ในเมื่อเม้าท์เรื่องร้อนขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็ขอเม้าท์ถึงกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องทางตรงและทางอ้อมกันสักหน่อย หลังชื่อของ “เบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์” ที่ถือสัญชาติแอฟริกาใต้ และกัมพูชา ถูกสื่อเปิดโปงมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเป็นนักต้มตุ๋นมือพระกาฬที่หลบหนีคดี และมีความเชื่อมโยงกับนักการเมืองกัมพูชา และธุรกิจพลังงานไทย กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยแบบโจ๋งครึ่มไงล่ะคะ
โดยความเชื่อมโยงดังกล่าวถูกตีแผ่ออกมาให้เห็นว่า เบนจามินเป็นนายหน้าซื้อขายสินทรัพย์หรูให้กับ “ลิม เยียก” ประธานกลุ่ม “B.I.C Group” และบริษัทนี้ก็มีความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับตระกูลฮุนเซน ไม่ว่าจะเป็นการซื้อเครื่องบินเจ็ตส่วนตัว หรือคอนโดหรูในแมนฮัตตันมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ซึ่งว่ากันว่ามีบริษัทไทยที่ชื่อ “Apex Equity Ventures” ซึ่งอยู่ภายใต้การจัดการของ “แคทรีน บีเว่อร์” เป็นคนจัดการธุรกรรมให้ด้วยนะซี
ประเด็นดังกล่าวทำให้มีการขุดคุ้ยต่อไปจนพบว่า เธอผู้นี้ถือหุ้นในตลาดหุ้นไทยหลายตัวด้วยกันอาทิเช่น GTV ถือหุ้นประมาณ 4% และถือหุ้นใน BCP ประมาณ 1.20% รวมทั้งเคยถือหุ้นใน BCPG ประมาณ 3.50% และนอกจากนี้ยังพบว่า แคทรีนยังมีบทบาทในการบริหาร “CAI Optimum Fund VCC” ซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่ในประเทศสิงคโปร์ และมีการบริหารจัดการโดย “Capital Asia Investments” ซึ่งทำให้คนในแวดวงตลาดหุ้นแตกตื่นกันเป็นแถวนะออเจ้า
เนื่องจากก่อนหน้านี้เพิ่งมีธุรกรรมขายหุ้น BCP ล็อตใหญ่ในตลาดหุ้นไทยไปหยก ๆ ผนวกกับเมื่อย้อนดูเส้นทางของนาย “ลิม เยียก” ซึ่งเป็นลูกคนสุดท้องของอดีตรองนายกรัฐมนตรีกัมพูชา และมีความใกล้ชิดกับตระกูลฮุนเซน ที่ถูกโปรโมทให้เป็นประธานของบริษัท “B.I.C Group” และ “B.I.C Cambodia Bank” ซึ่งเป็นแบงก์ใหญ่ของประเทศกัมพูชา เลยทำให้หลายคนถึงบางอ้อกันเป็นแถวไงล่ะคะ
เนื่องจากมีการมาเฉลยในตอนท้ายว่า “เบนจามิน” กับ “แคทรีน” คือกลุ่มคนที่เป็นหุ้นส่วนกันอย่างลึกซึ้ง เพราะไม่เพียงแค่เป็นตัวกลางที่คอยดำเนินการในหลายอย่างในตลาดหุ้นไทย แต่นายเบนจามินยังเคยขอสัญชาติไทย แต่ถูกหน่วยงานทางการของไทยปฏิเสธ เพราะเอกสารหลักฐานไม่สมบูรณ์แบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นโครงข่ายทุนต่างชาติที่สามารถสอดแทรกเข้ามาในไทยได้อย่างเนียน ๆ ซึ่งอาจเป็นการเซาะกร่อนธุรกิจพลังงานของไทยได้อย่างน่ากลัว แต่เผอิญความเริ่มแตกเสียก่อน จึงถือเป็นความโชคดีประเทศไทยก็ว่าได้กระมัง!..อิอิอิ
โมนิก้าและทีมงาน