
PCE ฟันธง Q2 โตแรง รับออเดอร์จีน-อินเดียพุ่ง ดันรายได้ปีนี้ทะลุ 3 หมื่นล้านบาท
PCE ส่งสัญญาณผลงานไตรมาส 2/2568 เติบโตโดดเด่น รับปาล์มสดทะลักตลาด พร้อมออเดอร์จากจีน-อินเดียพุ่งสูง ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ทะลุ 3 หมื่นล้านบาท มุ่งเดินหน้าส่งออกภายใต้แนวทางเติบโตควบคู่ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน
นายพรพิพัฒน์ ประสิทธิ์ศุภผล รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ บริษัท เพชรศรีวิชัย เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PCE ผู้นำอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มแบบครบวงจรที่มีความพร้อมการจัดการระบบซัพพลายเชน เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากปัจจัยสนับสนุนด้านผลผลิตปาล์มสดจากสวนจะออกมาจำนวนมากตามฤดูกาล รวมถึงยอดคำสั่งซื้อจากประเทศจีนและอินเดียอยู่ในระดับสูง
รวมถึงบริษัทฯ เตรียมแผนขยายกำลังการผลิต เน้นเพิ่มมูลค่าสินค้า เพิ่มช่องทางจัดจำหน่าย เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่มีมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการพัฒนากลยุทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาปรับใช้ รวมไปถึงการสร้างความร่วมมือผ่านการร่วมทุนกับบริษัทนานาชาติเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ High Value Added ใน Food Sector
“ผลงานไตรมาส 2/2568 มีแนวโน้มสดใส โดยเฉพาะการส่งออกน้ำมันปาล์มไปจีนและอินเดียมีทิศทางเติบโตต่อเนื่อง บริษัทฯ เตรียมขยายกำลังการผลิต เพิ่มมูลค่าสินค้า และขยายช่องทางจำหน่าย เพื่อรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นสูง เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดต้นทุน และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน พร้อมตั้งเป้าผลักดันรายได้สู่ระดับ 30,000 ล้านบาทภายในปีนี้” นายพรพิพัฒน์ กล่าว
สำหรับปี 2568 บริษัทฯ ตั้งเป้าส่งออกน้ำมันปาล์มไปจีน และอินเดีย ไม่ต่ำกว่า 100,000 ตัน รวมไปถึงผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง อาทิ น้ำมันเมล็ดในปาล์ม (CPKO) และน้ำมันเมล็ดในปาล์มกึ่งบริสุทธิ์ (RBDPKO) ซึ่งตั้งเป้า 40,000 ตันต่อปี รวมถึงมีแผนการส่งออกกะลาปาล์มคุณภาพสูงไม่น้อยกว่า 120,000 ตันต่อปี เข้าสู่โครงการ Feed-in Tariff (FIT) โดยรัฐบาลประเทศญี่ปุ่น ซึ่งกะลาปาล์มจะถูกใช้เป็นเชื้อเพลิงชีวมวลในการผลิตไฟฟ้าสอดคล้องกับแนวทางการลดคาร์บอน ส่งเสริมพลังงานหมุนเวียนของประเทศญี่ปุ่น
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ตอกย้ำถึงการให้ความสำคัญต่อการจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน รวมถึงให้ความสำคัญด้านการบริหารความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดน้ำมันปาล์มและอื่น ๆ ด้วยการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ แตกไลน์ผลิตภัณฑ์ การเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร สนับสนุนรายได้เกษตรกรไทย ทั้งยังเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และสร้างผลตอบแทนระยะยาว โดยนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ และพัฒนากระบวนการผลิตให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรมควบคู่กับความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชน
อนึ่ง ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 1/2568 (สิ้นสุด 31 มีนาคม 2568) บริษัทฯ มีรายได้ จำนวน 5,473.7 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ จำนวน 28 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขายและการให้บริการ จำนวน 5,436.8 ล้านบาท โดยรายได้หลักของบริษัทฯ ยังคงมาจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์ม, ผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้จากปาล์ม (By Product), การส่งออกผลิตภัณฑ์ RBDPKO, ธุรกิจไฟฟ้า, ธุรกิจขนส่งและบริการ รวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงินที่ดี