“ไทย” ทำหนังสือประท้วง “กัมพูชา” ย้ำยึด 3 กลไกเจรจา – เร่งนัดประชุม JBC หาทางออกชายแดน

รมว.ต่างประเทศ ยืนยันพร้อมเป็นเจ้าภาพประชุม JBC กับกัมพูชา หลังทำหนังสือประท้วง ย้ำการแก้ไขปัญหาชายแดนต้องใช้สันติวิธี


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 มิ.ย. 68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้แชร์โพสต์จากนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่มีโลโก้พรรคเพื่อไทยในสตอรี่ Instagram ส่วนตัว ระบุว่า

ไทยใช้ 3 กลไก เจรจากัมพูชา ถก JBC เร็วที่สุด คลายความตึงเครียดรอบชายแดน ยึดกฎหมายสากลทุกขั้นตอน”

เมื่อเวลา 11:00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของฝรั่งเศส นายมาริษ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระหว่างเดินทางไปกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเข้าร่วมประชุมคณะมนตรีระดับรัฐมนตรีขององค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 3 มิถุนายน 2568

รมว.ต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดมา และได้สั่งการให้นางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เรียกประชุมกรมกองที่เกี่ยวข้องเพื่อหาท่าทีในการแก้ไขสถานการณ์ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการใช้กลไกทุกอย่างที่มีเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างสันติ และหลีกเลี่ยงการขยายตัวของความขัดแย้ง

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งผมไม่อยากเห็นว่า ประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างยาวนาน สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ไม่ใช้กำลัง จึงเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศและเป็นสิ่งที่นักการทูตจำเป็นจะต้องใช้” นายมาริษ ระบุ

รมว.ต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้สั่งให้ปลัดกระทรวงฯ พูดคุยกับกรมกองที่เกี่ยวข้อง เพื่อรวบรวมข้อมูลด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกฎหมาย รวมภาพถ่ายทั้งหลายเพื่อเตรียมท่าทีสำหรับไปเจรจาโดยเร็วในกรอบของ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ซึ่งจะมีความสำคัญ เพราะเราสามารถเจรจาหาทางออกได้ ส่วนผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั้น ตนไม่สามารถที่จะรับประกันได้ แต่ว่า JBC เป็นกลไกสำคัญที่เรามีอยู่กับกัมพูชาที่จะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี

ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ผลักดันกับทางกัมพูชาที่จะขอให้มีการจัดการประชุม JBC โดยเร็วที่สุด ขณะนี้กัมพูชาจะต้องเป็นเจ้าภาพการประชุม แต่ตนก็ยืนยันไปด้วยว่า ถ้ากัมพูชายังไม่มีความพร้อม ประเทศไทยพร้อมจัดประชุม เนื่องจากเราเห็นความสำคัญของกลไกนี้ ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาใน 2 ด้าน 1. การลดความตึงเครียดที่เกิดขึ้น และ 2. การมานั่งพูดคุยว่าเราจะกำหนดหรือหาทางแก้ไขเส้นเขตแดนระหว่างประเทศได้อย่างไร

“ในเรื่องการกระทบกระทั่งที่เกิดขึ้น เรามีหนังสือประท้วงกับฝ่ายกัมพูชาไปแล้วว่า การกระทำของเรานั้นเป็นไปตามหลักสากล และเราต้องการที่จะแสดงการยืนยันสิทธิของเรา ในเรื่องอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน หนังสือที่มีไปแล้วระบุอย่างชัดเจนว่า เราดำเนินการด้วยความเหมาะสม เป็นไปตามกลไกของกฏหมายระหว่างประเทศ และการปฏิบัติอย่างสากลทุกประการ” รมว.ต่างประเทศ ระบุ

ทั้งนี้ ในวันที่ 5 มิถุนายน 2568 เมื่อกลับไปถึงประเทศไทย จะเรียกผู้บริหารทั้งหมดมาประชุมกำหนดท่าทีให้ชัดเจนอีกครั้งหนึ่ง พร้อมย้ำว่า ตนประเมินสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา และเรียกประชุมทางออนไลน์กับกระทรวงการต่างประเทศอยู่ตลอดเวลาเป็นระยะ ๆ เมื่อมีสถานการณ์เปลี่ยนแปลง

ส่วนกรณีที่ผู้นำกัมพูชาขอให้สภาฯ ลงมติส่งข้อพิพาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ที่อาจจะกระทบกับนั้น นายมาริษ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกันเลย เป็นสิทธิที่กัมพูชาจะดำเนินการอย่างไรก็ได้ และก็เป็นสิทธิของประเทศไทยที่เราจะตัดสินใจอย่างไร เพราะเราก็มีท่าทีชัดเจน

“ได้สั่งการให้ปลัดกระทรวงฯ ได้มองภาพรวมให้เห็นอย่างชัดเจน กำหนดท่าที เพื่อที่จะวางนโยบายยุทธศาสตร์ที่เราจะไปเจรจากับกัมพูชา ขณะเดียวกันก็กำหนดมาตรฐานของเราว่า จะดำเนินการอย่างไรทั้งในกรอบของทวิภาคีความสัมพันธ์ระหว่างกัน รวมทั้งใช้กลไกที่มีอยู่ระหว่างประเทศด้วย” นายมาริษ กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button