ไม่ทิ้งก็ติดดอย

ข้อสรุปที่เดี๊ยนได้รับฟังจากปาก “ผู้รู้” กับ “นักเล่น” แถวหน้าของประเทศไทยก็คือ ขายทิ้งเพื่อลดความเสี่ยงดีสุด


ข้อสรุปที่เดี๊ยนได้รับฟังจากปาก “ผู้รู้” กับ “นักเล่น” แถวหน้าของประเทศไทยก็คือ ขายทิ้งเพื่อลดความเสี่ยงดีสุด เพราะสถานการณ์หลายอย่างเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน แถมมีการเปิดฉากสงครามอย่างดุเดือดระหว่าง “อิสราเอล” กับ “อิหร่าน” แบบพังพาบกันไปข้างหนึ่ง และพยายามดึงพวกของตัวเองร่วมสู้รบ (แต่ไม่มีใครอยากยุ่งด้วย) แบบนี้..ทั่วโลกเขาเลยกังวลว่า สงครามเที่ยวนี้จะบานปลายไงล่ะคะ

ที่น่าสนใจคือ สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกก็ยังอยู่ในภาวะถดถอยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอมาเจอปัญหาความขัดแย้งคู่ใหม่ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาซ้ำเข้ามาอีกดอกแบบนี้ “โมนิก้า” พูดได้ทันทีว่า สถานการณ์ต่อจากนี้ในทุกมิติจะแย่ลงอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะปัญหาเงินเฟ้อจะกลับมาตามหลอกหลอนอีกครั้ง เพราะราคาน้ำมันดิบที่เป็นต้นทุนพื้นฐานของภาคธุรกิจต่าง ๆ จะปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนะซี

ส่วนที่เลวร้ายไปกว่านั้นก็คือ รัฐบาลภายใต้การนำของ “อุ๊งอิ๊ง” ดันสาละวนกับเรื่องาสิโนชนิดโงหัวไม่ขึ้น ทั้งที่ไทยกำลังมีปัญหาเรื่องพรมแดนกับตัวแสบที่เป็นจอมเคลมแห่งยุคอย่างเขมร โดยที่รัฐบาลไทยตกอยู่ในฐานะลูกไล่ของสองพ่อลูกตระกูลฮุนเสียอย่างนั้น! ขณะเดียวกันจะเห็นว่า สองพ่อลูกตระกูลชินกลับนิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อน และไม่ตอบโต้อะไรกลับไปบ้างเลย (วานนี้เพิ่งจะกล้าอ้าปากเถียง) ผู้คนทั่วไปเลยก่นด่าอย่างรุนแรงไงล่ะคะ

ฉะนั้นการที่ดัชนีทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 1,114.49 จุด ลบไป 8.21 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.11 หมื่นล้านบาท อาจเป็นการทิ้งตัวที่แรงไปไหม? แต่เดี๊ยนกลับไม่คิดเช่นนั้นเลยจริง ๆ เพราะเมื่อดูจากปัจจัยภายใน และภายนอกควบคู่กันไปจะเห็นว่า  ข้างหน้ายังเต็มไปด้วยปัญหามากมายที่รอการแก้ไข ซึ่งไม่รู้ว่า รัฐบาลเพื่อไทยมีฝีมือที่จะแก้ได้ไหม? เพราะที่ผ่านมามีแต่น้ำลายที่พ่นไปวัน ๆ น้องโมเลยมองว่า หุ้นตกแค่นี้..ยังน้อยไปเจ้าค่ะ

เหมือนกับสัปดาห์ก่อนที่ “โมนิก้า” เม้าท์ก่อนหุ้นจะตกลงแรงว่า สถานการณ์หลายอย่างไม่เป็นใจให้กับ AOT อีฉันเลยไม่แปลกใจที่คิง เพาเวอร์ขอยกเลิกดิวตี้ฟรี 5 สนามบิน เพราะทำอย่างไรก็ไม่คุ้ม ซึ่งเรื่องนี้กระทบโดยตรงกับผลงานของบริษัทเสียด้วย วานนี้เลยเป็นอีกวันที่หุ้นตกต่อ ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 27.25 บาท ลบไป 2.50 บาท หรือลงไป 8.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.19 พันล้านบาทพะยะค่ะ

เม้าท์ถึงหุ้นที่ตกต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ย่อมมีชื่อของน้องมิ้น MINT รวมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน เพราะเป็นหุ้นกลุ่มแรก ๆ ที่โดนผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ต่อจากนั้นก็เห็นผลชัดขึ้นจากนักท่องเที่ยวลดลง ล่าสุดมาเจอเรื่องสงครามที่เปิดฉากถล่มใส่กันเละเทะ “โมนิก้า” เลยสังหรณ์ใจว่า การยืนปิดที่ระดับ 22.20 บาท ลบไป 1.20 บาทหรือลงไป 5.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 669 ล้านบาท อาจไม่ใช่โลว์เที่ยวนี้นะจ๊ะ

เช่นเดียวกับในรายของ CBG มีแรงขายออกมาเป็นจำนวนมากในช่วง 2 วันที่ผ่านมา จนราคาหุ้นหลุดฐานเดิมที่เคยลงมาแตะ..แล้วเด้งกลับทันที “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่มาจากความกังวลหลายอย่าง แต่ที่หนักสุดน่าจะเป็นเรื่องเขมรแบนไทย อาจกระทบกับธุรกิจของบริษัทที่เข้าไปลงทุนไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นชนวนเหตุที่ทำให้นักลงทุนทิ้งหุ้นอีกวัน จนลงมาปิดที่ระดับ 49.25 บาท ลบไป 3.75 บาทหรือลงไป 7.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 288 ล้านบาทเจ้าค่ะ

ตบท้ายกันที่หุ้นผีบอกอย่าง DV8 กันดีกว่า เพราะอาการ “โนสน โนแคร์” มันทำให้มาตรการสกัดหุ้นร้อนไร้ผล แถมยังทำให้พวกเจ้ามือเรียกแขกได้เป็นจำนวนมาก “โมนิก้า” ถึงมองการปิดที่ระดับ 6.75 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 13.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 77 ล้านบาท ไม่สามารถอธิบายด้วยหลักการพื้นฐาน เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับหุ้นตัวนี้มาจากอารมณ์ร่วมเป็นประเด็นสำคัญ โดยไม่คำนึงถึงเรื่องจริงจะเป็นเช่นไรจ้า!

ก่อนจากกันเดี๊ยนขอแชร์ข้อมูลจากเพจดังที่ออกมาแฉเขมรแบบจุก ๆ ว่า สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำHuione Group” บริษัทของหลานชายฮุนเซน ในความผิดเป็นเครือข่ายฟอกเงินระดับโลกที่มูลค่าสูงถึง 1.3 แสนล้านบาท เพราะเป็นแหล่งรวม “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” และ “เว็บพนัน” แบบนี้..ถือเป็นการตบหน้าฮุนเซนฉาดใหญ่เลยนะจ๊ะ

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button