
“ดาโอ” มองบวก KTB-BBL ลดตั้งสำรอง-NPL หลัง THAI พ้นแผนฟื้นฟู
“บล.ดาโอ” ชี้ศาลสั่งยุติแผนฟื้นฟูกิจการ THAI หนุน KTB–BBL รับอานิสงส์บันทึกหนี้เสียลดลง พร้อมผลักดันกำไรแบงก์เพิ่มขึ้น คงคำแนะนำซื้อ KTB ราคาเป้าหมาย 25.00 ส่วน BBL เป้า 168 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน จากข่าว ศาลล้มละลายกลาง มีคำสั่งยุติกระบวนการฟื้นฟูกิจการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI อย่างเป็นทางการ หลังจาก THAI ยื่นคำร้องขอเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา ระบุว่า ได้ดำเนินการตามแผนฟื้นฟูสำเร็จครบทุกเงื่อนไขหลัก 4 ประการ ได้แก่ 1.) การจดทะเบียนเพิ่มทุนจดทะเบียนเพื่อปรับโครงสร้างทุน 2.) การดำเนินการตามแผนโดยไม่ผิดนัด
3.) การมี EBITDA หลังหักค่าเช่าเครื่องบิน (งบเฉพาะกิจการย้อนหลัง 12 เดือน ระหว่างเมษายน 2567 – มีนาคม 2568) จำนวน 40,308 ล้านบาท สูงกว่าข้อกำหนดขั้นต่ำที่ 20,000 ล้านบาท และ 4.) การประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่เป็นที่เรียบร้อย
อีกทั้ง THAI พร้อมเดินหน้าต่อยอดความแข็งแกร่ง สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยระบุหลังจากนี้จะมุ่งมั่นสร้างการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในทุกๆ ด้าน อีกทั้ง THAI จะเดินหน้ากลับเข้าซื้อขายหุ้นใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อีกครั้ง โดยจากการประเมินกรอบการดำเนินงานในตอนนี้ แม้จะมีขั้นตอนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่ต้องใช้เวลาแต่ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าการบินไทยจะสามารถกลับเข้าซื้อขายหลักทรัพย์ได้ตามเป้าหมายในเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม 2568 นี้
จากกรณีดังกล่าว บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ระบุผ่านบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองบวกต่อข่าวดังกล่าว และเป็นผลดีต่อเจ้าหนี้ THAI อาทิ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL และ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB โดยมีประเด็นสำคัญ 2 เรื่อง ดังนี้
1. THAI จะกลับเข้ามาเทรดในตลาดหุ้นได้ช่วงเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม 2568 โดยหลังจากออกจากแผนฟื้นฟูแล้ว หาก THAI มีการชำระหนี้ได้อย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้มีโอกาสที่ลูกหนี้ THAI จะได้รับการเลื่อนชั้นขึ้นจากหนี้เสีย NPL เป็น Stage 2 และ Stage 1 ตามลำดับ (โดยจะใช้เวลารวมกันราว 9 เดือนในการเลื่อนชั้นเป็น Stage 1) จากการวิเคราะห์และคำอธิบายของฝ่ายจัดการ MD&A ในไตรมาส 1/2568 ของ THAI พบว่ามีเงินกู้ยืม KTB อยู่ที่ 3 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 3% ของ NPL ของ KTB ที่อยู่ที่ 9.5 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ หาก THAI จ่ายได้ครบติดต่อกัน 9 เดือน จะทำให้ NPL ของ KTB หายไป 0.11% จากไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 2.97% และอาจจะมีการ reverse สำรองที่ตั้งไว้แล้ว
2.จากการสอบถาม KTB เพิ่มเติมแจ้งว่ายังไม่แน่ใจจะบันทึก THAI เป็นมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุน (FVTPL) หรือไม่ แต่ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าหากมีการบันทึกเป็น FVTPL ก็จะมีโอกาสพิจารณาขายหากราคาตลาดมากกว่าต้นทุนที่ถืออยู่ ซึ่งจะทำให้มีการบันทึกเป็นกำไรจากเงินลงทุนในงบกำไรขาดทุนได้
โดยราคาแปลงหนี้เป็นทุน อยู่ที่ 2.5452 บาท และจำนวนหุ้นที่ถืออยู่ที่ 1.33 พันล้านหุ้น ส่วน BBL ไม่พบข้อมูลเงินกู้เพราะ THAI เปิดเผยแค่รายการระหว่างกัน แต่ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า BBL มีการให้เงินกู้กับ THAI เช่นกัน (อิงจากข้อมูลการปล่อยสินเชื่อให้ THAI ก่อนเข้าแผนฟื้นฟูพบว่า BBL มีการปล่อยสินเชื่อ (ไม่รวมหุ้นกู้) ให้ THAI อยู่ที่ 9.3 พันล้านบาท และ KTB อยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท) ขณะที่ BBL ถือหุ้น THAI อยู่ที่ 2.4 พันล้านหุ้น
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัยได้จัดทำการวิเคราะห์ พบว่า หากราคาหุ้น THAI ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกๆ 10% จะส่งผลให้กำไรสุทธิปี 2568 ของ BBL เพิ่มขึ้นราว 1.1% และ KTB เพิ่มขึ้น 0.6% โดยกลยุทย์ลงทุนยังคงแนะนำ “ซื้อ” KTB ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท และ BBL ราคาเป้าหมาย 168.00 บาท