
“ศึกษิษฏ์” ห่วงสงครามอิสราเอล-อิหร่าน กระทบขนส่งพลังงาน แนะรัฐเร่งสำรองน้ำมัน
“ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ” ชี้สงครามอิสราเอลและอิหร่าน ทวีคูณความรุนแรง หวั่นสถานการณ์ราคาน้ำมันผันผวน เหตุจากสภาอิหร่านไฟเขียวพิจารณาปิดช่องแคบฮอร์มุซ รัฐบาลต้องพิจารณาเรื่องการสำรองเชื้อเพลิงในประเทศ
นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี โพสต์ผ่านแพลตฟอร์ม X (ทวิตเตอร์) “จากความไม่แน่นอนในสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน ที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้น ทำให้สถานการณ์พลังงานอยู่ในภาวะผันผวน รัฐบาลจึงพิจารณาสำรองปริมาณน้ำมันคงคลังในประเทศเพิ่มเติมเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน
เมื่อกัมพูชาประกาศงดนำเข้าน้ำมันและแก๊สธรรมชาติจากไทย ซึ่งกัมพูชาใช้น้ำมันนำเข้าจากไทยคิดเป็น 20% ของน้ำมันหมุนเวียนที่ใช้ในประเทศกัมพูชา ทำให้เกิดผลเชิงบวกต่อการเก็บกักน้ำมันสำรองของไทยที่จะเหลือน้ำมันคงคลังมากขึ้นและมีต้นทุนที่ต่ำกว่าการสั่งซื้อน้ำมันเพิ่มเติมจากภายนอก
ฉะนั้นการที่กัมพูชาประกาศไม่นำเข้าน้ำมันจากไทย จะกระทบ 2 ระดับคือ การบริโภคน้ำมันของประชาชนกัมพูชา และน้ำมันสำรองในประเทศกัมพูชาเองครับ”
โดยสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ปัจจุบันมีการสั่งปิดด่านเข้าออก ไทย-กัมพูชา โดยคำสั่งจากกองทัพภาคที่ 1 ในฐานะที่เป็นหน่วยรับผิดชอบพื้นที่แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดสระแก้ว ได้พิจารณาถึงผลประโยชน์ของชาติ ความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชนชาวไทย
ทั้งนี้ อาจส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ค้าขายตามแนวชายแดน และชาวกัมพูชาที่ต้องเดินทางมาทำงานหรือซื้อเชื้อเพลิงจากไทยได้รับผลกระทบจากการปิดด่านครั้งนี้ โดยงดเว้นการเข้า-ออก ทั้งยานพาหนะ ประชาชน นักท่องเที่ยว เว้นแต่หากมีเรื่องของการรักษาพยาบาล ส่งต่อผู้ป่วยกรณีรักษาเร่งด่วน และด้านการศึกษาของนักเรียน
อีกทั้ง ในส่วนของน้ำมันเชื่อเพลิงในประเทศ ทางรัฐบาลพิจารณาน้ำมันสำรองหลังศึกอิสราเอล-อิหร่าน ยืนยันไม่กระทบกับประเทศอย่างแน่นอน ยังคงอยู่ในระดับที่ยังรับมือได้ หากน้ำมันมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว อาจใช้มาตรการกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเข้ามาช่วยพยุง ทั้งนี้รัฐบาลยังคงติดตามสถานการณ์อย่างไรใกล้ชิด อีกทั้งยังชดเชยการใช้งานจากสถานการณ์การห้ามนำเข้าน้ำมันจากประเทศไทยหลังกัมพูชางดนำเข้าพลังงานไทยได้