
THAI แจ้งแผนฟื้นฟูคืบ! จ่ายหนี้กว่า 8.3 หมื่นล้าน พร้อมตั้งบอร์ดใหม่ 8 รายเสริมทีมบริหาร
“การบินไทย” เผยความคืบหน้าแผนฟื้นฟูกิจการไตรมาส 2/2568 เดินหน้าจ่ายหนี้กว่า 8.3 หมื่นล้านบาท แต่งตั้งบอร์ดใหม่ ยุบไทยสมายล์ ปรับโครงสร้างธุรกิจ พร้อมขายสินทรัพย์รองเพื่อเสริมสภาพคล่อง
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ว่าตามที่ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ การบินไทยฟื้นฟูกิจการและแต่งตั้งผู้ทำแผนเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 และเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ศาลได้มีคำสั่ง เห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการและแผนที่มีการแก้ไขตามมติของที่ประชุมเจ้าหนี้ แผนฟื้นฟูกิจการได้
โดยกำหนดให้ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ประธานคณะผู้บริหารแผนฟื้นฟู นายพรชัย ฐีระเวช ผู้บริหารแผนฟื้นฟู นายไกรสร บารมีอวยชัย ผู้บริหารแผนฟื้นฟู นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ ผู้บริหารแผนฟื้นฟู และนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ โดยในการลงนามในเอกสารใด ๆ เพื่อทำธุรกรรมหรือเพื่อให้มีผลผูกพัน บริษัทฯ ให้ผู้บริหารแผน 2 คนมีอำนาจลงนามร่วมกันเพื่อผูกพันบริษัทฯ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2565 ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งเห็นขอบด้วยแผนที่แก้ไข และเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2565 นายไกรสร บารมีอวยชัย และ นายศิริ จิระพงษ์พันธ์ ผู้บริหารแผนได้ลาออกจากการเป็นผู้บริหารแผนของบริษัทฯ โดยผู้บริหารแผน 3 ท่าน ที่เหลืออยู่มีอำนาจกระทำการในฐานะผู้บริหารแผนของบริษัทฯ ต่อไปได้ตามมาตรา 90/65 (6) แห่งพระราชบัญญัติ ล้มละลาย พุทธศักราช 2483 (และที่แก้ไขเพิ่มเติม) และข้อ 10.6 (2) ของแผนฟื้นฟูกิจการ
เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดให้เมื่อบริษัทฯ รายงานความคืบหน้าการดำเนินการ ตามแผนฟื้นฟูกิจการเป็นรายไตรมาสให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ กรมบังคับคดีให้รายงานให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบด้วยนั้น ผู้บริหารแผนขอสรุปสาระสำคัญของการดำเนินการตามแผนเพื่อรายงานความคืบหน้าใน การดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการ สำหรับงวดระหว่างวันที่ 15 มีนาคม 2568 ถึงวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ดังต่อไปนี้
1.) การชำระหนี้ตามแผนฟื้นฟูกิจการ
ทั้งนี้ ตามที่กำหนดไว้ในแผนฟื้นฟูกิจการ ข้อ 5.3 การชำระหนี้ การขยายระยะเวลาชำระหนี้ และการลดภาระหนี้ ซึ่งกำหนดให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้ตามคำสั่งให้ได้รับชำระหนี้ของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลล้มละลายกลาง ศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ หรือ ศาลฎีกา (แล้วแต่กรณี) ซึ่งเป็นคำสั่งถึงที่สุดให้ได้รับชำระหนี้นั้น
จากข้อมูลการชำระหนี้จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 ผู้บริหารแผนได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในแผน ข้อ 5.3 โดยการชำระ/ปลดเปลื้องภาระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยคงค้าง ตลอดจนการชำระหนี้ ด้วยการแปลงหนี้เป็นทุนตามแผน ข้อ 5.6.3 รวมเป็นเงิน 83,036,153,337.72 บาท และบริษัทฯ ไม่ได้มีการผิดนัด ตามแผนแต่ประการใด
2.) การแต่งตั้งคณะกรรมการใหม่
เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 การบินไทยได้จัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2568 ซึ่งจัดขึ้นตาม ข้อกำหนดของแผนฟื้นฟูกิจการ เพื่ออนุมัติกำหนดจำนวนกรรมการ แต่งตั้งกรรมการใหม่ และแต่งตั้งกรรมการ ผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทฯ โดยมีรายละเอียดดังนี้
สำหรับที่ประชุมมีมติอนุมัติกำหนดให้คณะกรรมการของบริษัทฯ ประกอบด้วยกรรมการจำนวนทั้งสิ้น 11 ราย โดยเป็นกรรมการเดิมจำนวน 3 ราย ได้แก่ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร และพลอากาศเอก อำนาจ จิระมณีมัย และกรรมการเข้าใหม่อีก 8 ราย ได้แก่ นายลวรณ แสงสนิท ดร.กุลยา ตันติเตมิท นายชาครีย์ บำรุงวงศ์ พลตำรวจเอกรัชชัย ปิตะนีละบุตร นายณปกรณ์ ธนสุวรรณเกษม นายยรรยง เดชภิรัตนมงคล นายสัมฤทธิ์ สำเนียง และนายขาย เอี่ยมศิริ
ทั้งนี้ ที่ประชุมมีมติอนุมัติกำหนดกรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทฯ จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ และ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ลงลายมือชื่อรวมกันและประทับตราสำคัญของบริษัทฯ
3.) การปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจกลุ่มการบิน
ตามที่การบินไทยได้ปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจการบินของบริษัทฯ ในสวนที่เกี่ยวข้องกับ บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของการบินไทยที่ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วนร้อยละ 99.99 ของหุ้นทั้งหมดนั้น
การดำเนินการโอนย้ายการปฏิบัติการบินและบริการต่าง ๆ ทั้งหมดจาก บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด มายังการบินไทยได้เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 คณะผู้บริหารแผนได้มีมติอนุมัติให้ดำเนินการเลิก บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด ซึ่งการดำเนินการเลิกบริษัทย่อยดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของการบินไทยแต่อย่างใด ต่อมา เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 บริษัท ไทยสมายล์แอร์เวย์ จำกัด ได้จดทะเบียนเลิกบริษัทต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เรียบร้อยแล้ว
4.) การขาย ให้เช่า หรือหาประโยชน์จากทรัพย์สินรองอื่น
ตามที่กำหนดในแผนฟื้นฟูกิจการข้อ 5.7.1 (ข) ที่กำหนดให้ผู้บริหารแผนมีอำนาจขาย ให้เขา หรือหาประโยชน์ จากทรัพย์สินรอง ซึ่งรวมแต่ไม่จำกัดเพียงทรัพย์สินรองตามที่ระบุในเอกสารแนบ 5 ของแผนฟื้นฟูกิจการ นั้น
โดยจนถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 การบินไทยมีความคืบหน้าในการขายเครื่องบินและเครื่องยนต์อะไหล่ ที่ไม่ได้ใช้งานแล้วจากที่เคยได้รายงานในครั้งก่อน ๆ ดังนี้
ตามที่การบินไทยได้รายงานความคืบหน้าในรายงานความคืบหน้าครั้งที่ 13 (ปีที่ 4 ไตรมาสที่ 1) เกี่ยวกับการขายเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว จำนวน 2 ลำซึ่งการบินไทยได้เข้าทำสัญญาซื้อขายไปแล้วนั้น ในไตรมาสนี้ การบินไทยได้รับเงินมัดจำของคาเครื่องบินทั้งสองลำ จำนวนร้อยละ 20 เป็นเงิน 247,400 ดอลลาร์สหรัฐ แล้ว
นอกจากนี้ ตามที่การบินไทยได้รายงานความคืบหน้าในรายงานความคืบหน้าครั้งที่ 14 (ปีที่ 4 ไตรมาสที่ 2) เกี่ยวกับการขายเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว จำนวน 1 ลำ ซึ่งการบินไทยได้รับเงินมัดจำร้อยละ 20 ของราคา ขายเครื่องบินแล้วนั้น ในไตรมาสนี้ การบินไทยได้รับเงินค่าขายเครื่องบินส่วนที่เหลือจำนวนร้อยละ 80 เป็นเงิน 492,000 ดอลลาร์สหรัฐ จนครบถ้วนแล้ว และได้ส่งมอบเครื่องบินให้แก่ผู้ซื้อแล้ว
อีกทั้ง ตามที่การบินไทยได้รายงานความคืบหน้าในรายงานความคืบหน้าครั้งที่ 9 และ 15 (ปีที่ 3 ไตรมาสที่ 1 และ ปีที่ 4 ไตรมาสที่ 3) เกี่ยวกับการขายเครื่องบินที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว จำนวน 1 ลำ ซึ่งการบินไทยได้รับเงิน ค่าขายเครื่องบินครบถ้วนแล้วนั้น ในไตรมาสนี้ได้ส่งมอบเครื่องบินลำดังกล่าวให้แก่ผู้ซื้อแล้ว
5.) คณะกรรมการเจ้าหนี้
ขณะที่ในวันที่ 30 เมษายน 2568 มีการประชุมคณะกรรมการเจ้าหนี้เพิ่มเติมจากการรายงานความคืบหน้า ในไตรมาสก่อน รวม 3 ครั้ง ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการเจ้าหนี้ได้รับทราบในประเด็นต่าง ๆ รวมถึง ความคืบหน้า การดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการของคณะผู้บริหารแผน ความคืบหน้าการปรับโครงสร้างหนี้และทุน และแนวทางในการดำเนินการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทนคณะกรรมการบริษัทฯ และเรื่องอื่น ๆ
ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานข้างต้นของบริษัทฯ แสดงถึงความสามารถในการชำระหนี้ได้ตามที่แผนฟื้นฟูกิจการกำหนด