
KTC วิ่งต่อ 3% โบรกอัพคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าใหม่ 31 บาท ชี้พื้นฐานแกร่ง-NPL ต่ำกว่า 2%
KTC บวกต่อ 3% ฟาก CGSI ปรับคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น KTC ราคาเป้าหมายใหม่ 31 บาท หลังมองพื้นฐานแข็งแกร่ง ตัวเลข NPL อยู่ต่ำกว่า 2%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (26 มิ.ย.68) ราคาหุ้น บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC ณ เวลา 10:31 น. อยู่ที่ระดับ 27.25 บาท บวก 0.75 บาท หรือ 2.83% สูงสุดที่ระดับ 27.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 26 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2 พันล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI เปิดเผยบทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยล่าสุด ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งมีมติ 6 ต่อ 1 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 1.75% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ปี 2568 ขึ้นเป็น 2.3% จากเดิม 2.0% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกที่เร่งตัวขึ้นก่อนมาตรการกำแพงภาษีของประเทศคู่ค้า และการขยายตัวของเศรษฐกิจในไตรมาสแรกที่สูงเกินคาด
อย่างไรก็ดี ยังคงมุมมองเดิมต่อแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบาย โดยประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยจะปรับลดลงสู่ระดับ 1.00% ภายในสิ้นปี 2569 เนื่องจากเชื่อว่าการปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP ของ ธปท. สะท้อนเฉพาะความแข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี ขณะที่ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจยังคงอยู่ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568
นอกจากนี้ ยังมีความเคลื่อนไหวที่น่าจับตาในกระบวนการสรรหาผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ โดยมีรายชื่อผู้สมัครที่ได้รับการจับตามอง ได้แก่ นายวิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และนางรุ่ง มัลลิกะมาส รองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท. คาดว่าจะมีการประกาศผลการคัดเลือกในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม 2568
ด้านการลงทุน CGSI ได้ปรับคำแนะนำหุ้นบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTC จาก “ขาย” เป็น “ซื้อ” พร้อมปรับราคาเป้าหมายใหม่เป็น 31 บาท โดยใช้วิธีการประเมินมูลค่าแบบ GGM (P/BV 1.81 เท่า ปี 2025) ทั้งนี้ จากการประเมินพบว่า KTC มีมาตรฐานการให้สินเชื่อที่เข้มงวดมากขึ้นในปี 2568 และสามารถควบคุมอัตราหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ให้อยู่ต่ำกว่า 2.0% อย่างต่อเนื่องตลอดช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ถึงไตรมาส 1 ปี 2568 โดยอัตรา NPL ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2568 อยู่ที่ 2.0% ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดเป็นอันดับสองในกลุ่มผู้ประกอบการ Non-bank ที่ฝ่ายวิเคราะห์ศึกษา
อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการปรับลดประมาณการกำไรต่อหุ้น (EPS) ปี 2025–2027 ลงเล็กน้อย จากการปรับลดสมมติฐานการเติบโตของสินเชื่อและรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย แต่ยังมองว่า KTC มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และคาดว่าประสิทธิภาพการติดตามหนี้และการบริหารต้นทุนจะช่วยหนุนผลประกอบการระยะยาว