จับตา 6 หุ้นตีปีก! รับยอดผลิต “เนื้อไก่” ปี 68 พุ่งแตะ 3.44 ล้านตัน

โบรกชี้ปี 68 ธุรกิจไก่ไทยยังโตต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ แม้เผชิญการแข่งขันสูง ด้าน “CPF-BTG-TFG-GFPT-FM-CFARM” คาดได้อานิสงส์เชิงบวกตามอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น


บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด (KResearch) ประเมินว่า ปริมาณการผลิตเนื้อไก่ของไทยในปี 2568 จะอยู่ที่ 3.44 ล้านตัน ขยายตัว 1.3% จากปีก่อน สอดคล้องกับการบริโภคในประเทศที่คาดว่าจะเติบโต 0.7% โดยมีแรงหนุนจากราคาเนื้อสุกรที่ปรับสูงขึ้น รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับโรคระบาดในโค ส่งผลให้ผู้บริโภคหันมาบริโภคเนื้อไก่ที่มีต้นทุนต่ำกว่า โปรตีนสูง และไขมันต่ำมากขึ้น

แม้ต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์จะเริ่มลดลง แต่ต้นทุนด้านอื่น เช่น การจัดการฟาร์มและค่าสาธารณูปโภคยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ราคาไก่หน้าฟาร์มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 3.5% อย่างไรก็ตาม ราคาขายปลีกยังถูกจำกัดจากการเป็นสินค้าควบคุม ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อรักษาอัตรากำไร

สำหรับโครงสร้างอุตสาหกรรม ธุรกิจผลิตไก่ในไทยมีผู้ประกอบการ 1,252 ราย โดยกว่า 80% เป็นรายย่อย แต่ผลผลิตส่วนใหญ่ราว 90% มาจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ดำเนินธุรกิจแบบครบวงจร โดยใช้โมเดลฟาร์มในเครือและระบบเกษตรพันธสัญญา ซึ่งมีการแข่งขันอย่างรุนแรงทั้งด้านราคาและนวัตกรรมสินค้า

ในด้านการส่งออก KResearch คาดว่ามูลค่าการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ไทยในปี 2568 จะอยู่ที่ 4,445 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายตัว 3.0% แต่ชะลอลงจากปี 2567 ที่เติบโต 5.7% โดยไก่แปรรูปยังคงเป็นสินค้าหลัก คิดเป็นสัดส่วนราว 70% ของมูลค่าส่งออก เติบโต 3.8% จากปีก่อน ขณะที่ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งเติบโต 1.3%

ทั้งนี้ ตลาดส่งออกหลัก ได้แก่ ญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และจีน ยังมีแนวโน้มขยายตัวช้า โดยญี่ปุ่นได้รับผลบวกบางส่วนจากการระงับนำเข้าไก่จากบราซิล แต่เผชิญการแข่งขันด้านราคาจากจีนซึ่งขายได้ถูกกว่าไทยถึง 13% ส่วนสหราชอาณาจักร แม้ความต้องการบริโภคสูงขึ้น แต่การผลิตภายในประเทศก็ขยายตัวพร้อมกัน ขณะที่ตลาดจีนยังคงซบเซาและเริ่มนำเข้าเพิ่มจากรัสเซีย

ในทางกลับกัน ตลาดใหม่อย่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) แสดงศักยภาพสูง โดยส่งออกไก่ฮาลาลจากไทยในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้ยังมีสัดส่วนเพียง 2-3% ของมูลค่าส่งออกรวม

KResearch ระบุว่าการส่งออกไทยยังเผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันกับประเทศต้นทุนต่ำอย่าง บราซิล จีน และสหรัฐฯ ที่ได้เปรียบจากต้นทุนอาหารสัตว์ต่ำและขนาดการผลิตที่ใหญ่กว่า ขณะที่ไทยต้องนำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์เป็นหลัก คิดเป็นกว่า 60% ของการใช้ในประเทศ ส่งผลให้ราคาผลิตภัณฑ์ไก่ไทยยังสูงกว่าคู่แข่ง

นอกจากนี้ การที่ผู้ประกอบการไทยเริ่มย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นในอาเซียน เพื่อสร้างความได้เปรียบด้านต้นทุน ก็อาจเป็นปัจจัยฉุดรั้งมูลค่าส่งออกของไทยในระยะยาว โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาค่าเฉลี่ยการเติบโตของมูลค่าส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ไทยที่ลดลงจาก 9.0% ช่วงปี 2558-2562 มาอยู่ที่ 6.5% ในช่วงปี 2563-2567

ท่ามกลางแนวโน้มเชิงบวกนี้ หุ้นกลุ่มผู้ประกอบการผลิตและส่งออกเนื้อไก่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากความต้องการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้แก่

1.บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ผู้นำอุตสาหกรรมอาหารแบบครบวงจร มีฐานการผลิตในหลายประเทศ CPF ได้อานิสงส์ทั้งจากความต้องการบริโภคในประเทศและการส่งออก โดยเฉพาะตลาดญี่ปุ่นและสหราชอาณาจักรที่ CPF มีช่องทางจัดจำหน่ายแข็งแกร่ง พร้อมสามารถบริหารต้นทุนได้ดีจากขนาดธุรกิจที่ใหญ่

2.บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG โดดเด่นด้านการผลิตสินค้าไก่แปรรูปที่มีมูลค่าเพิ่มสูง BTG ได้ประโยชน์จากกระแสผู้บริโภคเน้นโปรตีนทางเลือกที่ปลอดภัย มีคุณภาพ และได้รับการรับรองมาตรฐานสากล โดยเฉพาะตลาดในตะวันออกกลางและยุโรปที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ Halal

3.บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG มีระบบเลี้ยงและผลิตครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เน้นขายปลีกและส่งออกไก่สดและแปรรูปไปจีนและเวียดนาม การฟื้นตัวของเศรษฐกิจภูมิภาคและแนวโน้มราคาสุกรที่ยังสูง ส่งผลให้ไก่เป็นทางเลือกที่ถูกกว่า ซึ่งเป็นผลดีต่อ TFG โดยตรง

4.บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งออกไก่แปรรูปและผลิตภัณฑ์เนื้อไก่ ไปยังตลาดญี่ปุ่นและยุโรป GFPT ได้เปรียบจากการมีพันธมิตรธุรกิจระยะยาว และประสิทธิภาพการผลิตที่รองรับมาตรฐานระดับโลก แม้ต้องเผชิญการแข่งขันด้านราคากับจีน แต่คุณภาพสินค้ายังเป็นจุดขายสำคัญ

5.บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ FM บริษัทใหม่ที่ขยายกำลังการผลิตไก่เพื่อรองรับตลาดในประเทศเป็นหลัก ได้รับผลดีจากการบริโภคเนื้อไก่ทดแทนสุกร ราคาปลีกที่ปรับตัวได้ และแนวโน้มราคาไก่หน้าฟาร์มที่สูงขึ้น ซึ่งสนับสนุน margin ของ FM

6.บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน)  หรือ CFARM ผู้ผลิตอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์ ซึ่งกำลังรุกตลาดสินค้าเนื้อไก่แปรรูปมากขึ้น ได้ประโยชน์จากเทรนด์สุขภาพ-ความต้องการโปรตีนแปรรูปในประเทศและช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มนี้ยังต้องจับตาความผันผวนของค่าเงินบาท และการแข่งขันด้านราคาจากประเทศคู่แข่งที่มีต้นทุนต่ำกว่า อาทิ บราซิล จีน และสหรัฐฯ ซึ่งอาจกดดันราคาขายและอัตรากำไร โดยเฉพาะในตลาดส่งออกที่มีอุปสงค์ชะลอตัว

Back to top button