
PTT โกยรายได้ Q2 ทะลุ 6.77 แสนลบ. หนุนกำไร 2.15 หมื่นล้านบาท
PTT แจ้งผลประกอบการไตรมาส 2/68 รายได้จากการขาย 676,754 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 21,533 ล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนแรกกำไรแตะ 44,848.37 ล้านบาท
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2 และงวด 6 เดือนแรก สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2568 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
โดยในไตรมาส 2/68 บริษัทมีรายได้จากการขายจํานวน 676,754 ล้านบาท ลดลงจํานวน 145,189 ล้านบาท หรือร้อยละ 17.7 จากไตรมาส 2 ปี 2567 ที่จํานวน 821,943 ล้านบาท โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ และกลุ่มธุรกิจปิ โตรเคมีและการกลั่น จากราคาขายเฉลี่ยที่ลดลงตาม ราคานํ้ามันในตลาดโลก
นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีรายได้จากการขายลดลงเช่นกัน โดยหลักจากธุรกิจจัดหาและค้าส่งก๊าซฯที่ปริมาณขายเฉลี่ยปรับลดลง จากกลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้าที่ได้รับใบอนุญาตจัดหา และค้าส่งก๊าซฯ (New Shippers) ที่มีการนําเข้า LNG เพื่อใช้ในโรงไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับราคาขายเฉลี่ยปรับลดลงตามราคา Pool Gas เนื่องจากปริมาณ LNG นําเข้าลดลง และราคาขายเฉลี่ยให้กับกลุ่มลูกค้า อุตสาหกรรมปรับลดลงตามราคาอ้างอิง
อีกทั้งธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีรายได้ลดลงจากราคาขายเฉลี่ย ปรับตัวลดลงตามราคาปิ โตรเคมีส่วนใหญ่ในตลาดที่ใช้อ้างอิง ประกอบกับปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ลดลง จากผลิตภัณฑ์ LPG ตามความต้องการของลูกค้าในประเทศที่ลดลง ในไตรมาส 2/68
โดยปตท. และบริษัทย่อยมี EBITDA จํานวน 78,793ล้านบาท ลดลง 36,541ล้านบาท หรือ ร้อยละ 31.7จากในไตรมาส 2/67 ที่จํานวน 115,334 ล้านบาท โดยหลักจากกลุ่มธุรกิจสํารวจและผลิตปิ โตรเลียม มีผลการดําเนินงานลดลงจากราคาขายและปริมาณขายเฉลี่ยที่ลดลง รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการดําเนินงานที่ เพิ่มขึ้น ประกอบกับกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นมีผลการดําเนินงานลดลงโดยธุรกิจการกลั่นลดลง เนื่องจากในไตรมาสนี้มีผลขาดทุนจากสต๊อกนํ้ามันสุทธิกับมูลค่าสุทธิที่จะได้รับของสินค้าคงเหลือ โดยใน ไตรมาส 2/68 มีขาดทุนประมาณ 7,200 ล้านบาท ขณะที่ในไตรมาส 2/67 มีกําไรประมาณ 2,800 ล้านบาท แม้ว่า Market GRM และปริมาณขายเพิ่มขึ้น ธุรกิจปิโตรเคมีมีผลการดําเนินงานลดลงโดยหลัก จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของกลุ่มอะโรเมติกส์และโอเลฟินส์ที่ปรับตัวลดลง
นอกจากนี้กลุ่มธุรกิจการค้าระหว่างประเทศมีผลการดําเนินงานลดลง จากกําไรต่อหน่วยที่ลดลงจากส่วนต่างราคา ซื้อ-ขายผลิตภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลงตามราคานํ้ามันในตลาดโลก รวมถึงธุรกิจก๊าซธรรมชาติมีผลการดําเนินงานลดลง โดยหลักจากธุรกิจจัดหาและค้าส่งก๊าซฯ มีกําไรขั้นต้นลดลงจากต้นทุนก๊าซฯ ที่ปรับลดลงน้อยกว่าราคา ขายเฉลี่ยให้กลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมที่ลดลง ขณะที่ธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ มีกําไรขั้นต้นเพิ่ มขึ้นจากต้นทุนที่ลดลง เนื่องจากในไตรมาส 2/67 มีผลกระทบจากการเริ่มใช้นโยบาย Single Pool ในการคํานวณราคาก๊าซฯ โดยมีผลย้อนหลังตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567
โดยในไตรมาส 2/68 ปตท. และบริษัทย่อย มีกําไรสุทธิจํานวน 21,533ล้านบาท ลดลง13,936ล้านบาท หรือ ร้อยละ 39.3 จากในไตรมาส 2/67 ที่จํานวน 35,469 ล้านบาท ตาม EBITDA ที่ลดลงดังกล่าวข้างต้น ประกอบกับ ในไตรมาส 2/68 มีการรับรู้รายการที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจํา (Non-recurring Items) สุทธิภาษีตามสัดส่วนของ ปตท. เป็กําไรประมาณ 4,200 ล้านบาท โดยหลักจาก TOP มีการรับรู้ส่วนแบ่งกําไรของบริษัทร่วมจากการซื้อกิจการในราคาตํ่ากว่ามูลค่ายุติธรรมของการเข้าซื้อหุ้นและควบรวมโรงกลันน้ำมันของกลุ่มเชลล์ในสิงคโปร์ ขณะที่ในไตรมาส 2/67 มีกําไรประมาณ 5,400 ล้านบาท โดยหลักจากกําไรจากการจําหน่ายสินทรัพย์ให้ บริษัท พีอี แอลเอ็นจี จํากัด (PE LNG) ของ บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จํากัด (PTTLNG) และกําไรจากการซื้อคืนหุ้นกู้ของ GC และ TOP