TESGX รับสิทธิภาษีวันนี้วันสุดท้าย LTF เป็นกองปกติ NAV ต่ำ 35% เสี่ยงเลิกกองทุน

KTAM แนะลงทุนกองทุน Thai ESGX 3 กองสุดท้ายก่อนหมดเขตสิทธิภาษี 30 มิ.ย. นี้ พร้อมย้ำหุ้นปันผลไทยยังเด่น ทั้งผลตอบแทนสูง-กระจายความเสี่ยงดี ชี้ตลาดทุนไทยยังแข็งแกร่ง


นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า วันนี้ (30 มิ.ย. 2568) วันสุดท้ายกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (Thai ESGX) เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีสูง พร้อมขับเคลื่อนอนาคตที่ดีอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ KTAM แนะนำ 3 กองทุน Thai ESGX เหมาะรับเงินลงทุนใหม่และเงินจากกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF)

ย้ำว่า หลังสิ้นสุดโครงการ Thai ESGX ในวันนี้ (30 มิ.ย. 2568) กองทุน LTF จะไม่มีอยู่ในระบบอีกต่อไป โดยกองทุน LTF จะเปลี่ยนเป็นกองทุนรวมปกติ โดยมีผู้จัดการกองทุนบริหารจัดการให้เหมือนเดิมเพื่อรักษาผลประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุน ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนมาเป็นกองทุนรวมหากมูลค่า NAV ของกองทุนฯ ปรับตัวลงต่ำกว่า 35% กองทุนฯ นั้น ๆ จะเข้าข่ายถูกบังคับขายหน่วยลงทุนเพื่อเลิกกองทุนฯ ซึ่งเป็นไปตามกฎเกณฑ์กองทุนรวมที่ได้กำหนดไว้

สำหรับทั้ง 3 กองทุน Thai ESGX แนะนำจาก KTAM ประกอบด้วย กองทุนเปิดกรุงไทย อิควิตี้ พลัส 70/30 ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (KTEQ70PLUSX) แบ่งเป็นสองกองทุน ได้แก่ กองทุน KTEQ70PLUSX-D และกองทุน KTEQ70PLUSX-L โดยกองทุนมีระดับความเสี่ยงที่ระดับ 5 ถัดมาเป็นกองทุนเปิดกรุงไทย อิควิตี้ พลัส ไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (KTEQPLUSX)

ได้แก่ กองทุน KTEQPLUSX-D และกองทุน KTEQPLUSX-L กองทุนนี้มีระดับความเสี่ยงระดับ 6 กองทุนสุดท้าย กองทุนเปิดกรุงไทย หุ้นปันผลไทยเพื่อความยั่งยืนแบบพิเศษ (KTEQDIVX) ประกอบด้วยกองทุน KTEQDIVX-D และกองทุน KTEQDIVX-L กองทุนนี้มีความเสี่ยงระดับ 6

นางชวินดา กล่าวว่า หุ้นกลุ่มปันผลของไทยยังคงน่าสนใจ ปัจจุบันให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยเกือบ 5% โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งบางตัวให้ปันผลสูงถึง 8% ทั้งยังเป็นธุรกิจหลักของประเทศ ถือว่าเป็นจุดเด่นเมื่อเทียบกับตลาดทุนทั่วโลก โดยตลาดหุ้นไทยติดอันดับ 2 ของโลกด้านผลตอบแทนปันผลสูง รองจากประเทศอินโดนีเซีย

นอกจากนี้ ยังชี้ให้เห็นว่า จุดแข็งของตลาดหุ้นไทย คือ โครงสร้างตลาดที่ไม่กระจุกตัว โดยหุ้น 5 อันดับแรกมีสัดส่วนมาร์เก็ตแคปเพียง 25% ของตลาด ต่างจากตลาดหุ้นบางประเทศ เช่น ตลาดหุ้นประเทศเกาหลีใต้ ที่พึ่งพาหุ้นเทคโนโลยีเพียงไม่กี่ตัวซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่า

“แม้ไทยจะไม่มีหุ้นกลุ่มเทคฯ ขนาดใหญ่เหมือนบางประเทศ แต่ตลาดของเรามีโครงสร้างที่กระจายตัวดี และหลายบริษัทไทยยังเป็นผู้นำในระดับภูมิภาค” นางชวินดา กล่าว

Back to top button