
หุ้นยุโรปปิดบวก รับแรงหนุนกลุ่มแบงก์ จับตาข้อตกลงการค้าสหรัฐ-อียู
ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังรายงานตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ แข็งแกร่ง หนุนมุมมองเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว พร้อมจับตาความคืบหน้าข้อตกลงการค้าระหว่าง “อียู-สหรัฐ” ก่อนถึงเส้นตายสัปดาห์หน้า
ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนบวกเมื่อวันพฤหัสบดี (3 ก.ค.68) โดยได้รับแรงหนุนหลักจากหุ้นกลุ่มธนาคาร หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนมิถุนายนที่ดีกว่าคาดการณ์ สะท้อนเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง และส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก
- ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 543.76 จุด เพิ่มขึ้น 2.55 จุด หรือ +0.47%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 7,754.55 จุด เพิ่มขึ้น 16.13 จุด หรือ +0.21%,
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี ปิดที่ 23,934.13 จุด เพิ่มขึ้น 144.02 จุด หรือ +0.61%
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 8,20 จุด เพิ่มขึ้น 48.51 จุด หรือ +0.55%
หุ้นกลุ่มการเงินนำตลาด โดยเฉพาะหุ้นของ NatWest และ Lloyds Banking Group ในอังกฤษ ที่พุ่งขึ้นกว่า 3% โดยตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังว่า การเจรจาข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป (EU) จะมีความคืบหน้าก่อนถึงเส้นตายการจัดเก็บภาษีใหม่ที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กำหนดไว้ในสัปดาห์หน้า
นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป เปิดเผยว่า EU มีเป้าหมายบรรลุข้อตกลงเบื้องต้นกับสหรัฐฯ ให้ได้ก่อนเส้นตายดังกล่าว ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ยังประกาศยกเลิกข้อจำกัดการส่งออกซอฟต์แวร์ออกแบบชิปและผลิตภัณฑ์อีเทนไปยังจีน ซึ่งช่วยลดแรงกดดันในสงครามการค้าระหว่างสองประเทศ
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมตอบรับเชิงบวก โดยหุ้นของ Siemens AG วิศวกรรมยักษ์ใหญ่จากเยอรมนี เพิ่มขึ้น 0.8% หลังพุ่งสูงสุดระหว่างวันถึง 3% จากข่าวการคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้า
ด้านพลังงานสะอาด หุ้นของบริษัท Vestas ผู้ผลิตกังหันลมของเดนมาร์ก พุ่งเกือบ 7% หลังร่างกฎหมายฉบับปรับปรุงของสหรัฐฯ สนับสนุนการลงทุนในพลังงานลมมากกว่าฉบับเดิม
ขณะเดียวกัน รายงานการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ยืนยันว่า ECB ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเกินควร ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก แม้ยังมีความไม่แน่นอนเรื่องนโยบายดอกเบี้ยเฟด แต่ตลาดเน้นปัจจัยบวกระยะสั้นจากแรงซื้อกลุ่มแบงก์