“ธนวรรธน์” ชี้ GDP ไทยเสี่ยงต่ำกว่า 1.5% หาก “สหรัฐ” เรียกเก็บภาษี 36%

“ธนวรรธน์” มองการเจรจารอบแรกไทย-สหรัฐฯ ยังเป็นกลางในเชิงบวก เชื่อยังมีเวลา 2-3 วันส่งข้อเสนอใหม่ หวังเลี่ยงภาษี 36% ระบุหากเจรจาไม่สำเร็จ เสี่ยง GDP จะโตต่ำกว่า 1.5%


นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างไทยกับสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ว่า การเจรจาครั้งนี้ถือเป็นรอบแรกอย่างเป็นทางการ และแม้ยังไม่บรรลุข้อตกลง แต่ผลที่ออกมายังถือว่าอยู่ในทิศทางเป็นกลางในเชิงบวก โดยไทยสามารถนำข้อเสนอไปปรับปรุงและยื่นใหม่ให้สอดคล้องกับความต้องการของสหรัฐฯ ซึ่งยังมีเวลาอีก 2-3 วันในการดำเนินการผ่านระบบเทเลคอนเฟอเรนซ์

ทั้งนี้ นายธนวรรธน์ ประเมินว่า การที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาประกาศว่าจะไม่มีการขยายเวลาการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าออกไปอีก 90 วัน นั้น อาจมีผลกับประเทศที่ยังไม่ได้เจรจากับสหรัฐฯ โดยประเทศที่ได้เจรจาแล้ว เช่น ไทย อาจได้รับการผ่อนผันเฉพาะหน้าด้วยการเก็บภาษีเบื้องต้นที่ 10% ก่อน หากเจรจาไม่สำเร็จ อาจกลับสู่ภาษีขั้นสูงที่ 36% ตามเดิม

สำหรับกรณีที่รัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ นายสก็อตต์ เบสเซนท์ ออกมาระบุว่า อาจมีมากกว่า 100 ประเทศที่ถูกจัดเก็บภาษีนำเข้าที่อัตรา 10% นายธนวรรธน์เห็นว่า เป็นสัญญาณบวกที่สะท้อนว่าไทยมีโอกาสเจรจาเพื่อรักษาอัตราภาษีให้อยู่ในระดับนี้ และอาจขยายเวลาเพื่อหาข้อสรุปในรอบต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม หากไทยไม่สามารถบรรลุข้อตกลงและถูกจัดเก็บภาษีที่ 36% จริง จะส่งผลให้ราคาสินค้าไทยในตลาดสหรัฐฯ สูงขึ้นทันที เป็นภาระที่ผู้ประกอบการแบกรับลำบาก ต่างจากกรณีถูกเก็บภาษี 10% ร่วมกับ baseline tariff อีก 10% รวม 20% ซึ่งยังอยู่ในระดับที่สามารถบริหารต้นทุนให้แข่งขันได้ โดยอาจลดต้นทุน 5-20% แล้วตั้งราคาขายเพิ่มเล็กน้อยเพื่อยังรักษาความสามารถในการแข่งขัน

โดยหากไทยเสียภาษี 36% ขณะที่เวียดนามเสียเพียง 20% จะทำให้ไทยเสียเปรียบในการแข่งขันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าที่ต้องแข่งขันกับประเทศอื่นในภูมิภาค หากไม่สามารถลดต้นทุนได้ทัน หรือภาษีที่เสียมากกว่าประเทศคู่แข่ง ก็จะกระทบต่อภาคส่งออก และทำให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้อาจเติบโตต่ำกว่า 1.5% ได้

ทั้งนี้ ทีมไทยแลนด์ยังคงแสดงความหวังถึงผลการเจรจาที่จะพัฒนาไปในทิศทางที่ดี แม้จะยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในรอบแรก โดยยกตัวอย่างกรณีจีนที่ต้องใช้เวลาหลายรอบในการเจรจากับสหรัฐฯ และยังไม่ประสบผลสำเร็จ จึงมองว่าไทยยังมีเวลาในการต่อรองและยื่นข้อเสนอเพิ่มเติม ก่อนจะทราบผลการจัดเก็บภาษีในวันที่ 9 กรกฎาคมนี้

Back to top button