“ทรัมป์” รีดภาษีบราซิล 50% เริ่ม 1 ส.ค. อ้างรัฐแทรกแซงเลือกตั้ง-จำกัดสิทธิพลเมืองสหรัฐ

“โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากบราซิล 50% ตั้งแต่ 1 ส.ค. หลังมีพฤติกรรมแทรกแซงการเลือกตั้งที่เสรี และละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน


ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศในวันพุธที่ 9 กรกฎาคมว่า สหรัฐฯ จะเริ่มเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศบราซิลทุกประเภทในอัตรา 50% เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป โดยให้เหตุผลว่า รัฐบาลบราซิลมีพฤติกรรมแทรกแซงการเลือกตั้งที่เสรี และละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนสหรัฐฯ ซึ่งเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน

การประกาศมาตรการดังกล่าวมีขึ้นภายหลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ส่งจดหมายถึงประธานาธิบดีลูอิซ อินาซิโอ ลูลา ดา ซิลวา ผู้นำบราซิล โดยระบุว่าการปฏิบัติทางกฎหมายต่อ ฌาอีร์ โบลโซนาโร อดีตผู้นำบราซิลและพันธมิตรทางการเมืองของตน เป็นการล่าแม่มดและควรยุติลงทันที โดยโบลโซนาโรกำลังเผชิญข้อกล่าวหาว่าวางแผนล้มล้างผลการเลือกตั้งในปี 2565 ซึ่งเขาพ่ายแพ้

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังได้ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมจาก 7 ประเทศในวันเดียวกัน ได้แก่ แอลจีเรีย อิรัก ลิเบีย และศรีลังกา ในอัตรา 30%, บรูไนและมัลโดวา 25% และฟิลิปปินส์ 20% โดยในวันจันทร์ที่ผ่านมา (7 ก.ค.) เขายังได้ส่งจดหมายถึงผู้นำอีก 17 ประเทศ แจ้งการเรียกเก็บภาษีศุลกากรใหม่ในอัตราต่าง ๆ อาทิ ไทย 36%, ลาวและเมียนมา 40%, กัมพูชา 36%, บังกลาเทศและเซอร์เบีย 35%, อินโดนีเซีย 32% และอีกหลายประเทศรวมถึงญี่ปุ่น มาเลเซีย และเกาหลีใต้ ในอัตรา 25%

การดำเนินการล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางแข็งกร้าวของทรัมป์ในการใช้นโยบายภาษีเป็นเครื่องมือกดดันเชิงการเมืองและสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศ ซึ่งกรณีของบราซิลเป็นตัวอย่างชัดเจนของการแทรกแซงที่มีเป้าหมายเชิงอุดมการณ์และสัมพันธ์ส่วนตัวมากกว่ามิติทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว

Back to top button