“เอมิเรตส์ แอร์ไลน์ส” ผนึก “Crypto.com” รับคริปโตจ่ายตั๋วเครื่องบิน รุก NFTs-เมตาเวิร์ส

JTS บวก 11% นำทีม BTC-ZIGA-XPG ขานรับข่าวสายการบินยักษ์ใหญ่อย่าง "เอมิเรตส์ แอร์ไลน์ส" จากดูไบ จับมือ Crypto.com แพลตฟอร์มคริปโตฯ ระดับโลก ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ครั้งประวัติศาสตร์ เตรียมเปิดประตูสู่ "ยุคใหม่" ของการชำระค่าบริการด้วย "คริปโตเคอร์เรนซี" รวมถึงรุกคืบโลก "NFTs" และ "เมตาเวิร์ส"


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (11 ก.ค.68) สายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ส ได้ประกาศความร่วมมือกับแพลตฟอร์มคริปโตระดับโลก Crypto.com เพื่อร่วมกันสำรวจและพัฒนาโซลูชันการชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลภายในระบบนิเวศด้านการเดินทางของนครดูไบ โดยหนึ่งในก้าวสำคัญภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ คือ การลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่าง ดูไบ ดิวตี้ ฟรี กับ Crypto.com ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดใช้งานการชำระเงินด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งในร้านค้าปลีกภายในสนามบินและผ่านช่องทางออนไลน์

ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อรองรับนักเดินทางนานาชาติหลายล้านคนที่เดินทางผ่านสนามบินนานาชาติดูไบในแต่ละปี โดยถือเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ดูไบกลายเป็นผู้นำด้านค้าปลีกเพื่อการเดินทาง ที่สามารถรองรับการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างครอบคลุม อีกทั้ง โครงการนี้ยังสอดคล้องกับ “Dubai Economic Agenda D33” หรือวาระเศรษฐกิจ D33 ของรัฐบาลดูไบที่มุ่งเน้นการยกระดับสถานะของนครดูไบให้เป็นศูนย์กลางนวัตกรรมระดับโลก และผู้นำด้านเศรษฐกิจอัจฉริยะในอนาคต

สมเด็จพระราชินีชีค อาเหม็ด บิน ซาอีด อัล มักทูม ประธานหน่วยงานการบินพลเรือนดูไบ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ส แอนด์ กรุ๊ป ทรงมีพระราชดำรัสว่า ความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญและเปี่ยมด้วยความหวัง ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นร่วมกันในการพลิกโฉมประสบการณ์ด้านการเดินทางและการค้าปลีก โดยผ่านการนำโซลูชันการชำระเงินดิจิทัลขั้นสูงมาประยุกต์ใช้ เพื่อยกระดับประสบการณ์ของนักเดินทางอย่างครอบคลุม ตั้งแต่ขั้นตอนการจอง ไปจนถึงการจับจ่ายใช้สอยในระบบค้าปลีก

ขณะที่ นายราเมช ซิดัมบี กรรมการผู้จัดการของดูไบ ดิวตี้ ฟรี และ นายโมฮัมเหม็ด อัล ฮาคิม ประธานฝ่ายปฏิบัติการยูเออีของ Crypto.com ลงนามในข้อตกลงความร่วมมืออย่างเป็นทางการที่สำนักงานใหญ่ของสายการบินเอมิเรตส์ ซึ่งมี สมเด็จพระราชินีชีคอาเหม็ด บิน ซาอีด อัล มักทูม ร่วมเป็นสักขีพยาน นอกเหนือจากการบูรณาการการชำระเงินแล้ว MOU ยังครอบคลุมความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ รวมถึงแคมเปญการตลาดร่วมกันและโปรแกรมการมีส่วนร่วมของลูกค้า ซึ่งออกแบบมาเพื่อใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของทั้งสององค์กร

“MOU นี้เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราต่อนวัตกรรมและการมอบความสะดวกสบายและทางเลือกที่มากขึ้นสำหรับลูกค้าของเรา โดยเน้นย้ำว่าการบูรณาการการชำระเงินด้วยคริปโตฯ นี้จะเพิ่มมูลค่าอย่างมีนัยสำคัญให้กับฐานลูกค้าต่างประเทศที่หลากหลายของดูไบ ดิวตี้ ฟรี” ซิดัมบี กล่าว 

เอริก อันเซียนี ประธานและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ Crypto.com ได้แสดงความตื่นเต้นต่อความร่วมมือในครั้งนี้ โดยเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญของการเป็นพันธมิตรในการขยายการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลในชีวิตประจำวัน พร้อมระบุว่า ความร่วมมือนี้จะช่วยขับเคลื่อนแรงผลักดันที่แท้จริงให้แก่อุตสาหกรรมสินทรัพย์ดิจิทัล และเปิดโอกาสให้ทั้งสององค์กรสามารถนำเสนอโซลูชันทางการเงินที่เป็นนวัตกรรมอย่างแท้จริง

ด้าน ดูไบ ดิวตี้ ฟรี ยืนยันความมุ่งมั่นในการวางรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการนำระบบการชำระเงินด้วยคริปโตเคอร์เรนซีมาใช้งาน โดยได้รับแรงสนับสนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ซึ่งมีรายได้รวม 4.118 พันล้านดีแรห์มสหรัฐ (ประมาณ 1.128 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพิ่มขึ้น 5.34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดจากประวัติศาสตร์ของดูไบ ดิวตี้ ฟรี ในการเปิดรับเทคโนโลยีการชำระเงินที่ทันสมัย โดยก่อนหน้านี้ได้มีการนำโซลูชันอย่าง Alipay และ TerraPay เข้ามาใช้งาน เพื่อพัฒนาระบบนิเวศด้านค้าปลีกการเดินทางที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคตระดับโลก

อย่างไรก็ดี ทั้งสองฝ่ายจะเริ่มต้นจากการศึกษาความเป็นไปได้เชิงเทคนิคและการวางแผนเชิงกลยุทธ์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการนำระบบการชำระเงินด้วยคริปโตเคอร์เรนซีมาใช้อย่างเป็นรูปธรรมภายใต้กรอบความร่วมมือในครั้งนี้

นอกจากนี้ การบูรณาการการชำระเงินด้วยคริปโตเคอร์เรนซีของดูไบ ดิวตี้ ฟรี ยังสอดรับกับยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งประสบความสำเร็จมาแล้วจากการเป็นพันธมิตรกับ Crypto.com สำหรับการชำระค่าบริการภาครัฐ และความร่วมมือกับ ธนาคารอิสลามแห่งดูไบ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่สอดคล้องกับหลักชะรีอะห์

ช่วงเวลาของการดำเนินความร่วมมือดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสการยอมรับการชำระเงินด้วยคริปโตฯ ที่กำลังเติบโตทั่วโลก โดยหนึ่งในตัวอย่างสำคัญคือการที่ รัฐบาลภูฏาน ร่วมมือกับ Binance Pay เพื่อเปิดตัวระบบชำระเงินด้านการท่องเที่ยวด้วยคริปโตฯ ในระดับชาติ ซึ่งเป็นการตอกย้ำว่าอุตสาหกรรมการเดินทางกำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของการเงินดิจิทัล

ภายใต้บริบทนี้ ความชัดเจนด้านกฎระเบียบ และจุดยืนที่สนับสนุนคริปโตเคอร์เรนซีของดูไบ ได้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดธุรกิจระดับโลก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกฎระเบียบที่เข้มงวดภายใต้กรอบ MiCA ของสหภาพยุโรป ซึ่งผลักดันให้บริษัทคริปโตฯ หลายแห่งเริ่มมองหาพื้นที่ที่เอื้อต่อการเติบโตและนวัตกรรมมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนที่จะบรรลุการทำธุรกรรมแบบไร้เงินสดให้ได้ 90% ภายในปี 2569 ตามแผนยุทธศาสตร์ “Cashless Strategy” ของประเทศ

เพื่อสนับสนุนเป้าหมายดังกล่าว เจ้าหน้าที่รัฐบาลยังประเมินว่า การเปลี่ยนผ่านไปสู่ระบบการชำระเงินดิจิทัลอาจช่วยเพิ่มรายได้เข้าสู่เศรษฐกิจท้องถิ่นไม่น้อยกว่า 8 พันล้านดีแรห์ม โดยการยอมรับคริปโตเคอร์เรนซีจึงถูกมองว่าเป็นกลไกหนึ่งในการเร่งขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคดิจิทัล

อย่างไรก็ตาม ความท้าทายด้านความปลอดภัยยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญที่ต้องจับตา โดยจากผลการวิจัยอุตสาหกรรมล่าสุด พบว่า 37% ของผู้ใช้ มองว่าการแฮ็กและการฉ้อโกงเป็นปัจจัยหลักที่ขัดขวางการนำคริปโตฯ มาใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งสำหรับดูไบ ดิวตี้ ฟรี ซึ่งให้บริการนักเดินทางนานาชาติหลายล้านคนในแต่ละปี การแสดงให้เห็นถึงกรณีการใช้งานจริงในระดับชีวิตประจำวันจึงอาจเป็นตัวเร่งสำคัญในการนำคริปโตฯ เข้าสู่กระแสหลัก

ท้ายที่สุด ความร่วมมือระหว่าง สายการบินเอมิเรตส์ และ Crypto.com ไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มทางเลือกในการ “ชำระเงิน” แต่ยังถือเป็น “สัญญาณแห่งการปฏิวัติระบบการเงิน” ที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าของอุตสาหกรรมการเดินทางและค้าปลีกระดับโลก โดยดูไบได้ส่งสารอย่างชัดเจนว่า ตนพร้อมเป็นผู้นำในการเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

การเปิดรับคริปโตเคอร์เรนซีให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน พร้อมกับความเคลื่อนไหวสู่การสำรวจโอกาสในโลก NFTs และ เมตาเวิร์ส สะท้อนวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของดูไบในการยกระดับบทบาทสู่การเป็น “ศูนย์กลางนวัตกรรมของโลก” ในขณะที่หลายประเทศยังลังเลและเดินหน้าอย่างระมัดระวังในด้านกฎระเบียบ ดูไบกลับเลือกที่จะเปิดรับเทคโนโลยี พร้อมสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเติบโต ซึ่งกำลังดึงดูดผู้เล่นในอุตสาหกรรมคริปโตฯ จากทั่วทุกมุมโลกเข้าสู่ภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง

จากปัจจัยดังกล่าว ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ ซึ่งเป็นคริปโตเคอร์เรนซีที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลกปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 116,046.44 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเวลา 21:27 น. ตามเวลา GMT (ราว 04.27 น. ตามเวลาไทยในวันนี้) ส่งผลให้ราคาทุบสถิติเดิมที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกันที่ระดับ 113,734.64 ดอลลาร์ ส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ในปีนี้ปรับตัวขึ้นแล้วประมาณ 24%

ขณะเดียวกัน ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ลงนามในคำสั่งบริหารเพื่อจัดตั้ง กองทุนสำรองยุทธศาสตร์ของสกุลเงินดิจิทัล และยังได้แต่งตั้งบุคคลที่สนับสนุนตลาดคริปโทฯ เช่น พอล แอตกินส์ อดีตกรรมการคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) และ เดวิด แซกส์ ผู้ดูแลด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของทำเนียบขาว

ส่วนราคาหุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับบิตคอยน์ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่น ณ เวลา 12:01 น. โดยมีความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ ดังนี้  บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS อยู่ที่ระดับ 33.75 บาท บวก 3.75 บาท หรือ 11.42% สูงสุดที่ระดับ 36.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 32.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 31.76 ล้านบาท

บริษัท บรุ๊คเคอร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ BTC อยู่ที่ระดับ 0.36 บาท บวก 0.03 บาท หรือ 9.09% สูงสุดที่ระดับ 0.37 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.34 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 16.17 ล้านบาท

บริษัท ซิก้า อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ZIGA อยู่ที่ระดับ 1.21 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 9.01% สูงสุดที่ระดับ 1.26 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 1.19 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 12.81 ล้านบาท

บริษัท เอ็กซ์สปริง แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ XPG อยู่ที่ระดับ 0.54 บาท บวก 0.01 บาท หรือ 1.89% สูงสุดที่ระดับ 0.55 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.53 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37.14 ล้านบาท

Back to top button