
SCCC ลุ้นยอดขายซีเมนต์พุ่ง-ต้นทุนลด หนุนกำไร Q2 แตะ 943 ล้านบาท พ่วงยีลด์ 7.6%
บล.ทิสโก้คงคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น SCCC ให้ราคาเหมาะสม 195 บาท จากแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/68 แข็งแกร่งแตะ 943 ล้านบาท หนุนด้วยราคาขายซีเมนต์เฉลี่ยในประเทศสูงขึ้น ต้นทุนลดลง และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 7.6%
บริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด คาดการณ์ในบทวิเคาะห์ว่า บริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด(มหาชน) หรือ SCCC จะรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 2/2568 ที่ระดับ 943 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 7.9% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยการเติบโตในระดับเมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน ได้รับแรงสนับสนุนจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับตัวดีขึ้น อันเป็นผลจากราคาขายเฉลี่ยในประเทศที่เพิ่มขึ้น และต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง แม้จะมีความผันผวนในตลาดภูมิภาค แต่การกำหนดราคาที่เป็นเชิงกลยุทธ์ และความมีวินัยในการดำเนินงานของบริษัท มีส่วนช่วยรักษาระดับกำไรได้อย่างยืดหยุ่น
ขณะเดียวกัน SCCC ยังคงแสดงศักยภาพในการบริหารจัดการสภาวะตลาดที่หลากหลายอย่างคล่องตัว พร้อมเสริมสร้างสถานะทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ แนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2568 สะท้อนการขยายตัวของอัตรากำไรขั้นต้นในระดับจากช่วงเดียวของปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ โดยคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะปรับเพิ่มจาก 27.1% เป็น 32.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน จากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับสูงขึ้นในประเทศ ต้นทุนพลังงานที่ลดลง ทั้งราคาน้ำมันดีเซลและไฟฟ้าที่เอื้อต่อการดำเนินงาน รวมถึงการรวมธุรกิจของ LANNA
อย่างไรก็ตาม การลดลงของกำไรในเชิงจากไตรมาสก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการหยุดซ่อมบำรุงเตาเผาสองเตา ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น และอัตรากำไรขั้นต้นปรับลดจาก 34.1% ในไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 32.7%
ส่วนในแง่ของตลาดต่างประเทศ ผลประกอบการมีความหลากหลาย โดยในประเทศไทย ความต้องการซีเมนต์เทกองยังคงแข็งแกร่งจากการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน แม้ยอดขายซีเมนต์ถุงยังซบเซาจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราคาขายเฉลี่ยในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ (85 บาท/ตันในเดือนเมษายน และ 110 บาท/ตันในเดือนพฤษภาคม) เป็นปัจจัยสนับสนุนสำคัญต่ออัตรากำไร
ขณะที่ในต่างประเทศ เวียดนามฟื้นตัวในเชิงปริมาณตามฤดูกาล แม้ยังเผชิญแรงกดดันด้านราคา ส่วนศรีลังกาได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมหภาค แม้จะมีความท้าทายด้านฤดูกาลและการแข่งขัน บังกลาเทศเริ่มแสดงสัญญาณฟื้นตัว แต่ยังถูกจำกัดจากปริมาณฝนและแรงกดดันด้านราคา ขณะที่กัมพูชามีกำไรเบื้องต้นในเชิงปริมาณและประสิทธิภาพ แม้จะมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอก
สำหรับไตรมาส 3/2568 คาดว่ากำไรของ SCCC จะเติบโตเมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนต่อเนื่อง โดยได้แรงหนุนจากราคาขายในประเทศที่ยังทรงตัวในระดับสูง และการฟื้นตัวของการดำเนินงานในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานในเชิงจากไตรมาสก่อน อาจชะลอตัวจากผลกระทบของฤดูฝนในประเทศไทย และแผนการหยุดซ่อมบำรุงเตาเผาทั้งหมดห้าเตา
ความต้องการซีเมนต์เทกองในประเทศยังคงได้รับแรงสนับสนุนจากการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน แม้จะมีความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางการเมืองซึ่งอาจส่งผลให้การอนุมัติงบประมาณล่าช้า เวียดนามและกัมพูชามีแนวโน้มการเติบโตของปริมาณอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ศรีลังกาและบังกลาเทศยังคงเผชิญความท้าทายจากราคาตลาดและสภาพอากาศ การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพจึงยังคงเป็นปัจจัยหลักในการรักษาอัตรากำไร
บล.ทิสโก้คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับหุ้น SCCC โดยประเมินมูลค่าที่เหมาะสมที่ระดับ 195.00 บาทต่อหุ้น อิงจากอัตราส่วน PER ปี 2568 ที่ 14.7 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับค่าเฉลี่ยในอดีต 6 ปี ขณะที่ระดับการประเมินปัจจุบันอยู่ที่เพียง 11 เท่า และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลสูงถึง 7.6% สะท้อนความน่าสนใจในการลงทุน ทั้งในด้านแนวโน้มกำไรที่เป็นบวก และปัจจัยสนับสนุนอัตรากำไรที่ยังคงแข็งแกร่ง