TOP เด้ง 5% ลุ้นกำไร Q2 แตะ 5.2 พันลบ. บุ๊กกำไรพิเศษ-ค่าการกลั่นฟื้น

TOP บวก 5% โบรกชี้กำไรไตรมาส 2/68 เติบโต 50% แตะ 5.2 พันล้านบาท จากไตรมาสก่อน รับบันทึกกำไรพิเศษ Negative Goodwill ธุรกิจโรงกลั่นสิงคโปร์ พร้อมค่าการกลั่นปรับตัวดีขึ้น แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 34 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (21 ก.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP ณ เวลา 10:21 น. อยู่ที่ระดับ 31.50 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 5.00% สูงสุดที่ระดับ 31.50 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 30.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 300.54ล้านบาท

บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง TOP คาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/68 มีกำไรสุทธิ 5.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 50% จากไตรมาสก่อนหน้า แต่ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยผลการดำเนินงานดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหลักๆ มาจากการบันทึกกำไรทางบัญชีก้อนใหญ่ซึ่งเป็น Negative goodwill ของบริษัทร่วมที่มีการซื้อธุรกิจโรงกลั่นในสิงคโปร์ ประกอบกับค่าการกลั่นฟื้นตัวดีขึ้น

ทั้งนี้ หากตัดรายการพิเศษที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้น จะมีผล 1.) ขาดทุนสต๊อกน้ำมันดิบ (รวม NRV) ราว 4.5 พันล้านบาท 2.) ขาดทุนจาก FX และ Hedging ราว 580 ล้านบาท 3.) กำไรจาก Negative goodwill อยู่ที่ 5.5-6 พันล้านบาท

4) กำไรจากธุรกรรม Bond buy back ในไตรมาสนี้ อยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท ขณะที่กำไรปกติคาดว่าจะอยู่ที่ 3.4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ Market GIM ซึ่งเพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 7.2 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล สอดคล้องกับการปรับตัวเพิ่มขึ้นของ Market GRM ที่เพิ่มขึ้น 51% จากไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ 5.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนต่างราคา (Spread) ในไตรมาสนี้ปรับตัวดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลบวกบางส่วนถูกหักล้างจากการหยุดซ่อมบำรุง SBM ขณะที่ อัตราการใช้กำลังการกลั่น (Run Rate) ยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อนหน้าที่ 113%

สำหรับ ธุรกิจอะโรเมติกส์ คาดว่า Contribution Margin (รวม LAB) ทรงตัวที่ระดับ 0.9 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยยังคงได้รับแรงกดดันจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ Benzene (BZ) ขณะที่ อัตราการเดินเครื่องกลั่น (Run Rate) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 75%

ในส่วนของธุรกิจน้ำมันหล่อลื่น Contribution Margin คาดว่าจะทรงตัวที่ 1.0 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล แม้ว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ระหว่าง 500SN และ Bitumen จะปรับตัวดีขึ้น แต่ถูกกดดันจากอัตราการเดินเครื่องที่ลดลงมาอยู่ที่ 76% ทั้งนี้ หากผลประกอบการเป็นไปตามคาดการณ์ คาดว่ากำไรสุทธิในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 จะอยู่ที่ 8.7 พันล้านบาท ลดลง 23% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” ให้ราคาเป้าหมาย 34 บาท สะท้อนผลของการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นตามแผนและอุบัติเหตุจากการใช้งานทุ่น SBM ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตามจากแนวโน้มกำไรครึ่งหลังปี 68 ที่น่าจะประคองตัวได้ รวมถึงความคืบหน้าโครงการ CFP มีความชัดเจนหลังได้ผู้รับเหมากลับมาเริ่มทางานได้

Back to top button