เข้าสู่จุดเฝ้าระวัง

สิ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” เริ่มนั่งไม่ติดในสัปดาห์นี้ก็คือ ข่าวเม้าท์ที่เกี่ยวกับภาษีทรัมป์มันออกไปคนละแนวกับที่เคยมีข่าวก่อนหน้านี้


สิ่งที่ทำให้ “โมนิก้า” เริ่มนั่งไม่ติดในสัปดาห์นี้ก็คือ ข่าวเม้าท์ที่เกี่ยวกับภาษีทรัมป์มันออกไปคนละแนวกับที่เคยมีข่าวก่อนหน้านี้ว่า ไทยมีโอกาสโดนรีดภาษีใกล้เคียงกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยผู้รู้หลายรายประเมินไว้ที่ระดับ 20 บวก ลบเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับธุรกิจส่งออกอย่างมีนัยสำคัญ และยังเป็นแรงดึงดูดให้นักลงทุนกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้งไงล่ะคะ

ประเด็นดังกล่าวถูกตอกย้ำด้วยการไต่ระดับขึ้นต่อเนื่องของดัชนี จนขึ้นมายืนเหนือแนวต้านสำคัญที่ระดับ 1,200 จุด และมีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นไปทดสอบไฮเดิมที่เคยทำไว้บริเวณ 1,230 จุด แต่ในขณะเดียวกันจะเห็นว่า ดัชนีกำลังถูกท้าทายด้วยแรงขายทำกำไรตั้งแต่เปิดเทรดวานนี้ จนดัชนีทำให้ที่ขึ้นเกือบ 10 จุดในช่วงพรีโอเพ่น ทรุดตัวลงมาในแดนลบ ก่อนจะเด้งขึ้นมาปิดที่ 1,208.13 จุด บวกไป 1.55 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.32 หมื่นล้านบาทแบบนี้..เสียวไส้ค่ะ

เนื่องจากข้อมูลภาษีทรัมป์ของกูรูอีกฝั่งหนึ่งเขาพูดว่า จุดต่างระหว่าง “เวียดนาม” กับ “ไทย” อยู่ตรงที่คู่แข่งของเราเป็นฐานการผลิตไนกี้ให้กับอเมริกา จึงไม่มีประโยชน์ที่จะทำให้สินค้าแพงขึ้นหูฉี่ พร้อมกับให้เวลาเจ้าของแบรนด์ย้ายฐานผลิตไปที่อเมริกาแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นประเด็นที่กดดันประเทศไทยอย่างหนักหน่วง เพราะเราไม่มีปฏิสัมพันธ์ในเชิงธุรกิจที่สำคัญกับอเมริกาเลย!..แล้วเราจะได้ภาษีใกล้เคียงกับเพื่อนบ้านจริงเหรอตัวเอง 

ไหน ๆ ก็เม้าท์ถึงประเด็นร้อนขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอเอ่ยถึงป๋าดันของตลาดหุ้นไทยอย่าง DELTA เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นต่อเนื่องของหุ้นที่เคยอยู่ต่ำร้อย แต่วันนี้ยืนปิดที่ระดับ 139 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 1.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.40 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE ที่ระดับ 85 เท่า และนักเวิเคราะห์ให้ราคาเฉลี่ยเหมาะเสมอยู่ที่บริเวณ 88 บาทแบบนี้..ใช้การอธิบายบนพื้นฐานไม่ได้แน่ ๆ เพราะมันเป็นเรื่องของอารมณ์ล้วน ๆ เจ้าค่ะ

ส่วนสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับน้องมิ้น MINT ก็ได้ข้อสรุปที่เป็นเอกฉันท์ว่า ความหวังที่จะได้เห็นหุ้นวิ่งขึ้นไปหาไฮเดิมที่ระดับ 29.50 บาท กำลังกลายเป็นเรื่องที่ริบรี่ลงเรื่อย ๆ เพราะแนวต้านแรกที่บริเวณ 26 บาทก็ยังฝ่าไปไม่ได้ และถัดจากนั้นก็มีการสาดหุ้นออกมาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้หุ้นร่วงแรงเป็นวันที่ 2 พร้อมกับยืนปิดที่ระดับ 24.20 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 3.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.23 พันล้านบาทแบบนี้..ต้องลุ้นให้เด้งตรงฐานเก่า 23 บาทแล้วนะจ๊ะ

ตรงกันข้ามกับในรายของน้องท็อป TOP อย่างเห็นได้ชัด เพราะตั้งแต่สางปัญหาภายในเสร็จสิ้นเมื่อต้นเดือน เม.ย. ราคาหุ้นก็ขยับจากก้นเหวที่บริเวณ 21 บาทขึ้นมาเรื่อย ๆ จนล่าสุดขึ้นมายืนเหนือแนวต้านสำคัญ 30 บาท พร้อมกับยืนปิดที่ระดับ 31.50 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 5% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.32 พันล้านบาท ท่ามกลาง PE 9 เท่า และยังมี BV อยู่ที่ระดับ 72 บาท คุณ ๆ ท่าน ๆ คิดว่า หุ้นควรจะไปต่อไหมคะ

สำหรับคนที่ชอบลุ้นเพื่อความบันเทิง คงต้องมองไปที่ IVL ซึ่งเป็นหุ้นที่มีดาวน์ไซด์ต่ำ แถมในช่วง 2 เดือนครึ่งพยายามเกาะฐานแนวรับ 20 บาท และพยายามเทคตัวเพื่อวิ่งผ่านแนวต้านสำคัญบริเวณ 22 บาท “โมนิก้า” ถึงมองการอ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 21.50 บาท ลบไป 0.80 บาท หรือลงไป 3.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 598 ล้านบาท น่าจะเป็นจังหวะของการทยอยเก็บหุ้น..จริงหรือไม่จริง ลองไปคิดกันดูนะคุณพี่!

ตบท้ายที่หุ้น EA เพื่อชี้ให้เห็นการแก้หนี้ที่ดีขึ้นเป็นลำดับ ทำให้ขาประจำเข้ามาเล่นเก็งกำไรอีกรอบแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องที่ลุ้นดีเหลือเกินว่า เที่ยวนี้จะฝ่าแนวต้าน 3.40 บาทขึ้นไปได้หรือเปล่า? เพราะเที่ยวก่อนขึ้นไปถึงบริเวณดังกล่าวปุ๊บ ต่อจากนั้นก็มีเรื่องประชุมหุ้นกู้ล่มบ้าง และผู้ถือหุ้นกู้ไม่โหวตผ่านบ้าง อีฉันจึงมองการยืนปิดที่ 2.88 บาท บวกไป 0.06 บาท หรือขึ้นไป 2.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 146 ล้านบาท น่าจะได้ไปต่อยาว ๆ เพราะเคลียร์คัตปัญหาหมดแล้วนะซี

โมนิก้าและทีมงาน

Back to top button