KTX เปิดเวทีถก “US Tariff” ยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทย

บล.กรุงไทย เอ็กซ์สปริง เปิดเวทีเสวนา “มาตรการภาษีสหรัฐฯ” จ่อกระทบส่งออกอาหารแปรรูปไทยกว่า 1.6 แสนล้านบาท แนะเร่งปรับกลยุทธ์ กระจายตลาด ใช้เทคโนโลยี ยกระดับคุณภาพสินค้า รับมือความท้าทาย หวังเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสยั่งยืน


บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด หรือ KTX เปิดเวทีเสวนาเชิงวิชาการ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 ภายใต้หัวข้อ “ธุรกิจอาหารสำเร็จรูปไทยภายใต้ US Tariff: กลยุทธ์การตลาดและการปรับตัวทางธุรกิจ” มีผู้เข้าร่วมจากหลากหลายภาคส่วนทั้งภาคเอกชน นักลงทุน และนักวิเคราะห์ โดยหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกคือผลกระทบจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ ซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงบริบทการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารแปรรูปไทยในระดับนโยบาย

ดร.องอาจ กิตติคุณชัย นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป ได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวในฐานะวิทยากรหลัก และได้เปิดเผยข้อมูลว่า มาตรการภาษีตอบโต้ (US Tariff) ในอัตรา 36% ที่สหรัฐฯ เตรียมบังคับใช้ในวันที่ 1 สิงหาคม 2568 อาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างการส่งออกของไทย โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าที่มีการส่งออกไปยังสหรัฐฯ มากกว่า 160,000 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 10% ของมูลค่าการส่งออกอาหารทั้งหมดของประเทศ

โดย 5 กลุ่มสินค้าที่อยู่ภายใต้แรงกดดันภาษี ได้แก่: ทูน่ากระป๋อง, ผักผลไม้แปรรูป (เช่น น้ำมะพร้าว กะทิ), เครื่องปรุงรส (เช่น ซอสพริกศรีราชา), สับปะรดกระป๋อง, ข้าวโพดหวานบรรจุกระป๋อง

“ต้นทุนการค้าของผู้นำเข้าสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นทันที และนั่นหมายถึงแรงจูงใจใหม่ให้ผู้นำเข้าเหล่านั้นหันไปมองประเทศที่มีภาระภาษีต่ำกว่า ไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายเชิงโครงสร้างในการรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก” แนวทางปรับตัวที่แนะนำ ได้แก่: 1.) กระจายตลาดส่งออก เพื่อลดการพึ่งพาตลาดเดียว 2.) ใช้เทคโนโลยีและระบบอัตโนมัติ เพื่อบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ 3.) ตอกย้ำคุณภาพและความเชื่อถือของสินค้าไทย 4.) ส่งเสริมความร่วมมือในห่วงโซ่อุปทาน เช่น ค่าบรรจุภัณฑ์และขนส่ง

สำหรับภาคเอกชนยังเสนอให้ภาครัฐสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ได้แก่ การดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาท การส่งเสริมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำสำหรับ SME การลงทุนในเทคโนโลยีและนวัตกรรม และการสร้างระบบสนับสนุนข้อมูลเชิงลึกด้านตลาดส่งออก

“เราอาจควบคุมกติกาของประเทศคู่ค้าไม่ได้ แต่เราควบคุมการเติบโตของตนเองได้ สถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่แค่การเอาตัวรอดจากมาตรการภาษี แต่คือโอกาสสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารไทย ให้มีบทบาทเชิงรุกบนเวทีโลกได้อย่างยั่งยืน”

Back to top button