UNSC ไร้มติแทรกแซง!​ หนุน​ “ไทย-กัมพูชา” แก้ขัดแย้งด้วยสันติวิธี

รมว.ต่างประเทศ แถลงยูเอ็นรับรู้ข้อเท็จจริง “กัมพูชาเริ่มใช้กำลังก่อน” โจมตีพลเรือนไทยเสียชีวิต-บาดเจ็บ ย้ำไทยยึดสันติวิธีแต่ไม่ยอมให้ละเมิดอธิปไตย


นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ภายหลังเสร็จสิ้นภารกิจเข้าร่วมการประชุมระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน ณ องค์การสหประชาชาติ โดยระบุว่าได้ใช้โอกาสในการประชุมดังกล่าวหารือกับผู้แทนระดับสูงจากยูเอ็นและนานาประเทศเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่า “กัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน” และการโจมตีมีเป้าหมายไปยังพื้นที่พลเรือน เช่น โรงพยาบาล ปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก รวมถึงเด็กอายุ 8 ขวบ เสียชีวิต

โดยการกระทำของกัมพูชาไม่เพียงแต่เป็นการละเมิดอำนาจอธิปไตยของไทย แต่ยังละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ กฎบัตรสหประชาชาติ และหลักมนุษยธรรมขั้นพื้นฐาน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้ออกแถลงการณ์ประณามอย่างรุนแรงที่สุด พร้อมลดระดับความสัมพันธ์ทางการทูตโดยเรียกตัวเอกอัครราชทูตไทยกลับจากกรุงพนมเปญ และขอให้เอกอัครราชทูตกัมพูชากลับประเทศ

อีกทั้งระบุว่ามีการวางทุ่นระเบิดใหม่ในดินแดนไทยจนทำให้ทหารไทยบาดเจ็บสาหัส สูญเสียอวัยวะถาวร ซึ่งถือเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวาอย่างร้ายแรง โดยตนได้ชี้แจงต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และพบหารือกับผู้แทนระดับสูงจากหลายประเทศ เช่น เลขาธิการยูเอ็น รัฐมนตรีต่างประเทศปากีสถาน รัฐมนตรีญี่ปุ่น และผู้แทนรัสเซีย โดยย้ำจุดยืนว่าไทยมุ่งแก้ไขปัญหาชายแดนด้วยสันติวิธีและกลไกทวิภาคีอย่างสุจริตใจ

ทั้งนี้ ได้มีการประชุมลับของ UNSC เมื่อคืนวันที่ 25 กรกฎาคม (ตามเวลานิวยอร์ก) โดยมีทั้งไทยและกัมพูชาเข้าร่วม พร้อมสมาชิกอีก 15 ประเทศ โดยฝ่ายไทยย้ำว่ากัมพูชาเริ่มโจมตีก่อนและมุ่งเป้าพื้นที่พลเรือน ลึกเข้ามาในดินแดนไทย ขัดหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างรุนแรง ขณะที่สมาชิกยูเอ็นเอสซีส่วนใหญ่เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่ายยับยั้งชั่งใจ ลดความตึงเครียด และแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาทางการทูต ไม่มีการออกเอกสารใดๆ อย่างเป็นทางการ

ส่วนของบทบาทอาเซียน นายมาริษกล่าวขอบคุณ นายกรัฐมนตรีอันวาร์ อิบราฮิม ของมาเลเซีย ที่เสนอแนวทางไกล่เกลี่ย แต่ยืนยันว่ากัมพูชาต้องแสดงความจริงใจในการยุติการโจมตี โดยเฉพาะเป้าหมายพลเรือนซึ่งฝ่ายไทยไม่สามารถยอมรับได้ พร้อมยืนยันความร่วมมือกับอาเซียนเพื่อหาทางออก

สำหรับกรณีที่กัมพูชาเผยแพร่ข่าวเท็จกล่าวหาว่าไทยโจมตีบริเวณปราสาทพระวิหารนั้น นายมาริษยืนยันว่าไม่เป็นความจริงอย่างสิ้นเชิง โดยจุดปะทะอยู่ห่างจากปราสาทพระวิหารถึง 2 กิโลเมตร ไม่สามารถส่งผลกระทบต่อโบราณสถานได้ พร้อมระบุว่าไทยเตรียมหนังสือชี้แจงอย่างเป็นทางการตอบกลับ

อย่างไรก็ตาม นายมาริษ ย้ำว่าไทยยึดมั่นในหลักสันติวิธีและกฎหมายระหว่างประเทศ เรียกร้องให้กัมพูชายุติการรุกรานพื้นที่พลเรือนและอำนาจอธิปไตยของไทยโดยทันที พร้อมเข้าสู่กระบวนการเจรจาทวิภาคีอย่างสุจริตใจ เพื่อรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค

Back to top button