
ขายก่อนได้เปรียบ
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องราวของตลาดหุ้นไทยแบบจัดเต็มทุกรายละเอียด “โมนิก้า” ขอพูดถึงท่าทีอุบาทว์ของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยสักหน่อย
ก่อนจะเข้าสู่เรื่องราวของตลาดหุ้นไทยแบบจัดเต็มทุกรายละเอียด “โมนิก้า” ขอพูดถึงท่าทีอุบาทว์ของรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยสักหน่อย เพราะไม่คิดไม่ฝันว่า คนพรรคนี้จะมีพฤติกรรมที่ทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกน่าไม่อาย โดยเฉพาะการโพสต์ของ “ก่อแก้ว” ที่บอกศาลรัฐธรรมนูญว่า ควรเอา “อุ๊งอิ๊ง” กลับมาทำหน้าที่นายกฯ เพราะประเทศอยู่ในภาวะคับขัน จึงต้องมีผู้นำที่มีอำนาจเต็ม..ตลกฉิXหาย เพราะที่มีปัญหาทุกวันนี้ หล่อนเป็นตัวต้นเหตุไม่ใช่เหรอ!
ส่วนอีกคนที่พูดตรงไปตรงมาอย่าง “เพ็ญแข” ก็กลายเป็นช็อตที่ทำให้คนด่ากันตรึม เพราะเจ๊ตะแบงเรื่องการปกป้องอธิปไตย กับเรื่องพลเรือนเสียชีวิตแบบที่คนดูรับไม่ได้ แถมยังออกตัวแรงแบบน่าเกลียดว่า “เราไม่รู้เขาตั้งใจแน่หรือเปล่า?” และเมื่อโดนพิธีกรไล่ต้อนเพื่อต้องการรู้ความจริงว่า รัฐบาลรู้อะไรบ้าง? เจ๊ก็โพล่งออกมากลางรายการว่า “ไม่ใช่พ่อฮุนเซน!” แบบนี้..พรรคเพื่อไทยยังมีหน้าอยากจะบริหารประเทศต่ออีกเหรอ?
เมื่อนำประเด็นดังกล่าวมาประมวลผลร่วมกับเรื่องภาษีทรัมป์ ก็ทำให้อีฉันได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการว่า นี่เป็นจังหวะขายทำกำไรเพื่อลดความเสี่ยง! เพราะปัจจัยหลายด้านทำให้หุ้นไทยต้องพักเพื่อรอจังหวะเทคตัวขึ้นใหม่อีกครั้ง (ไม่ผ่าน 1,230 จุดสักที) อีฉันถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 1,217.15 จุด บวกไป 4.66 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.69 หมื่นล้านบาท คือภาพสะท้อนของการรออะไรบางอย่าง (อาจเป็นเรื่องขายเมื่อความจริงปรากฏก็เป็นไปได้) นะคะ
ขนาดหุ้นที่ไต่เพดานขึ้นมาเรื่อย ๆ อย่าง DOHOME ยังเริ่มถูกขายทำกำไรเป็นรอบ ๆ แต่แรงซื้อยังหนาแน่น เลยทำให้ราคาหุ้นขึ้นจากก้นเหวที่ระดับ 2.30 บาท อย่างช้า ๆ จนล่าสุดหุ้นมายืนอยู่ที่ระดับ 4.06 บาท ลบไป 0.12 บาท หรือลงไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 323 ล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเรื่องของการ take profit เพื่อรอจังหวะถีบตัวขึ้นไปใหม่ โดยมีสตอรี่เรื่องซ่อมแซมบ้านหลังน้ำท่วมเป็นตัวบิ้วงบไตรมาส 3 นะจะบอกให้
ส่วนรายที่ตกอยู่ในสถานการณ์ “กลืนไม่เข้า คายไม่ออก” อย่างหุ้นนิคมอุตสาหกรรม AMATA ก็เริ่มแสดงอาการหมดแรงให้เห็นถี่ขึ้นเรื่อย ๆ จนล่าสุดถูกเทขายอย่างจริงจัง จนราคาหุ้นลงมายืนอยู่ที่ระดับ 15.10 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 3.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 366 ล้านบาท ก็เป็นช็อตที่น่ากังวลหนักพอสมควร เพราะเรื่องภาษีทรัมป์ไม่รู้จะ “เป็นคุณ” หรือ “เป็นโทษ” กับบริษัทขนาดไหนนะซี
สำหรับรายที่มีอาการแปลก ๆ อย่างหุ้น MONO ถือเป็นช็อตที่สร้างความผิดหวังให้กับขาลุยเยอะเหมือนกัน เพราะสตอรี่บอลพรีเมียร์ลีกน่าจะช่วยปั๊มรายได้และกำไรโตก้าวกระโดด ซึ่งน่าจะช่วยดันราคาหุ้นวิ่งผ่าน 2 บาทไปได้สักที แต่ในช่วง 2 เดือนครึ่งกลับผ่าน 1.90 บาทไปได้ แถมล่าสุดยังย่อตัวลงมาปิดที่ระดับ 1.70 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 2.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 130 ล้านบาทแบบนี้..อีฉันอธิบายไม่ถูกเลยจ้า!
ขนาดรายที่ทำท่าจะฟื้นอย่าง LH ยังมีแรงขายออกมาเป็นระยะ จนหุ้นย่อตัวเป็นวันที่ 2 พร้อมกับยืนปิดที่ระดับ 3.78 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 111 ล้านบาท ก็เป็นช็อตที่ย้ำให้รู้ว่า PE 9 เท่าไม่มีนัยสำคัญอะไรเลย เพราะสิ่งที่ทุกคนกังวลสุด ๆ ก็คือ กำไรครึ่งหลังปี 68 จะทรุดหนักกว่าครึ่งปีแรก เพราะสภาพเศรษฐกิจยังง่อนแง่น จึงเป็นจังหวะของการชิ่งหนีก็เท่านั้นเองค่ะ
ตบท้ายกันที่หุ้น ITC เพื่อสะท้อนให้เห็นการโดนทุบหนักร่วมครึ่งปี จนหุ้นลงมาทำโลว์ที่ระดับ 10 บาท ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาแถว 13.50 บาท และย่อตัวลงมาที่ 11 บาท ก่อนจะตีกลับขึ้นมาใหม่ จนล่าสุดหุ้นยืนอยู่ที่ระดับ 13.40 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 132 ล้านบาท ก็เป็นเกมวัดใจนักเล่นอย่างแท้จริง เพราะการขึ้นเที่ยวนี้เป็นผลมาจากความคาดหวังเรื่องภาษีทรัมป์จะออกมาเป็นบวกเจ้าค่ะ
โมนิก้าและทีมงาน