WTI ปิดร่วง 1.93 เหรียญ กังวล “โอเปกพลัส” บรรลุข้อตกลงเพิ่มการผลิต ก.ย. ดันซัพพลายพุ่ง

ราคาน้ำมัน WTI ปิดร่วง 1.93 เหรียญ หรือ 2.79% ปิดที่ 67.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังกังวลสมาชิกโอเปกพลัส อาจบรรลุข้อตกลงเพิ่มกำลังการผลิตสูงถึง 548,000 บาร์เรลต่อวันในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่เปิดเผยข้อมูลตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด กระทบเศรษฐกิจชะลอตัว


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ส.ค. 68) ) ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปรับตัวลดลง 2.79% เมื่อวันศุกร์ที่ (1 ส.ค. 68) ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่กลุ่มโอเปกและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) อาจเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนกันยายน ประกอบกับข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาดการณ์ ยิ่งซ้ำเติมความวิตกต่อแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันในตลาดโลก

สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนกันยายน ร่วงลง 1.93 ดอลลาร์ หรือ 2.79% ปิดที่ 67.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) ส่งมอบเดือนตุลาคม ลดลง 2.03 ดอลลาร์ หรือ 2.83% ปิดที่ 69.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

แม้ราคาน้ำมันในวันศุกร์จะปรับตัวลงแรง แต่ภาพรวมรายสัปดาห์ยังคงเป็นบวก โดย WTI ปรับขึ้น 6.29% และ Brent ปรับขึ้นเกือบ 6% สะท้อนแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานในช่วงต้นสัปดาห์

กระแสข่าวที่กดดันราคาน้ำมันล่าสุดคือความคืบหน้าในการหารือระหว่างสมาชิกโอเปกพลัส ซึ่งอาจบรรลุข้อตกลงเพิ่มกำลังการผลิตสูงถึง 548,000 บาร์เรลต่อวันในเร็ว ๆ นี้ โดยแหล่งข่าวระบุว่า การเจรจาอาจได้ข้อสรุปภายในวันอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับปริมาณการผลิตที่อาจเพิ่มขึ้นจริง

ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นเพียง 73,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ประเมินไว้สูงกว่านี้ และส่งผลให้อัตราว่างงานปรับเพิ่มจาก 4.1% เป็น 4.2% ซึ่งถือเป็นสัญญาณเชิงลบต่อภาวะเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน

อีกประเด็นที่นักลงทุนติดตามอย่างใกล้ชิดคือการประกาศใช้อัตราภาษีนำเข้าใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม กำหนดเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศที่ไม่สามารถตกลงการค้าได้ทันตามเส้นตาย โดยมีอัตราระหว่าง 10–41% และจะมีผลบังคับใช้ในวันศุกร์หน้า ประเทศที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ แคนาดา อินเดีย และไต้หวัน ขณะที่อีกหลายประเทศสามารถบรรลุข้อตกลงได้ทันเวลา เช่น สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหราชอาณาจักร

อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของทรัมป์ที่ขู่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าระดับ 100% ต่อประเทศผู้นำเข้าน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้การรุกรานยูเครน ซึ่งอาจกระทบต่อปริมาณน้ำมันในตลาดโลก

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จาก JP Morgan เตือนว่า มาตรการลงโทษดังกล่าวหากถูกนำมาใช้จริง อาจทำให้การส่งออกน้ำมันทางเรือของรัสเซียซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.75 ล้านบาร์เรลต่อวันตกอยู่ในความเสี่ยง โดยเฉพาะต่อจีนและอินเดีย ซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันดิบรายใหญ่อันดับ 2 และ 3 ของโลก

Back to top button