PRIME จ่ายไม่ได้-ขายไม่ออก.!

น่าจะเป็นรายล่าสุด แต่คงไม่ใช่สุดท้ายละมั้ง..!! สำหรับบริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME ที่แจ้งเรื่องการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ 2 รุ่น


น่าจะเป็นรายล่าสุด แต่คงไม่ใช่สุดท้ายละมั้ง..!! สำหรับบริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PRIME ที่แจ้งเรื่องการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ 2 รุ่น ได้แก่ PRIME253B และ PRIME253A มูลค่ารวม 332.53 ล้านบาท…

ที่จริงหุ้นกู้ทั้ง 2 รุ่น จะครบกำหนดไถ่ถอนช่วงต้นปี 2569 โดยหุ้นกู้ PRIME253B จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 8 มี.ค. 2569 ขณะที่หุ้นกู้ PRIME253A จะครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 10 มี.ค. 2569 แต่ในวันที่ 31 ก.ค. 2568 ที่ผ่านมา ดันครบกำหนดต้องชำระดอกเบี้ยและเงินต้นบางส่วน จำนวน 332.53 ล้านบาทนะสิ… 

ซึ่ง PRIME ไม่สามารถชำระดอกเบี้ยและเงินต้นก้อนนี้ได้ จึงถือเป็นเหตุของการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ไปตามระเบียบ (พัก)..!!

ดีนะที่การผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ครั้งนี้ ยังไม่ได้เป็นไฟลามทุ่ง ไม่ถึงขั้น call default และไม่มีผลให้บริษัทฯ ต้องชำระหนี้ของหุ้นกู้ชุดอื่นนั่นคือ PRIME25DA และ PRIME25DB ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2569 ทั้งหมดในทันที เนื่องจากจะต้องมีการดำเนินการโดยผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เพื่อเรียกให้หนี้หุ้นกู้ถึงกำหนดชำระเสียก่อน…

แต่อย่าเพิ่งวางใจไป…ไม่แน่วันนี้หรือวันพรุ่งนี้เจ้าหนี้หุ้นกู้ทั้ง 2 รุ่นอาจลุกขึ้นมาเรียกร้องให้ชำระหนี้ก็ได้…ใครจะไปรู้

ที่จริงก่อนหน้านี้ PRIME ก็ตระเตรียมจะขายหุ้นบริษัทย่อยที่ชื่อบริษัท ไพร์ม เอสโค่ จำกัด (ESCO) ซึ่งดำเนินธุรกิจโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (Solar Rooftop) ให้กับ BECIS Thailand Holding Pte Ltd (BECIS) คิดเป็นมูลค่า 290.95 ล้านบาท 

โดยโครงการของ ESCO แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม…กลุ่มที่ 1 โครงการที่พร้อมจำหน่าย จำนวน 14 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 11.476 เมกะวัตต์ และกลุ่มที่ 2 โครงการที่รอจำหน่าย จำนวน 8 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตติดตั้งรวม 1.651  เมกะวัตต์ ซึ่ง BECIS มีความสนใจจะซื้อด้วย…

เป้าหมายจะนำเงินที่ได้จากการขายบริษัทย่อยไปชำระหนี้หุ้นกู้ที่จะครบไถ่ถอนในช่วงปี 2569 แหละ…

แต่ไม่รู้คุยกันอิท่าไหน…จู่ ๆ เมื่อวันที่ 29 ก.ค. 2568 PRIME ได้รับแจ้งจาก BECIS ว่าขอยกเลิกธุรกรรมซื้อโครงการโซลาร์รูฟท็อปซะงั้น..!?

PRIME เลยงานเข้าอย่างจัง…จ่ายหนี้ไม่ได้ เพราะขาย (โซลาร์รูฟท็อป) ไม่ออก..!!

ซึ่งไม่น่าแปลกใจ เพราะถ้าไปส่องสถานะการเงินของ PRIME จะเห็นว่าง่อนแง่นเต็มที…โดย ณ สิ้นไตรมาส 1/2568 มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดในกระเป๋าอยู่แค่ 125.41 ล้านบาท แต่มีหนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีกว่า 1,594.31 ล้านบาท ในจำนวนนี้แบ่งเป็นหนี้สถาบันการเงิน 228.08 ล้านบาท และหนี้หุ้นกู้ก้อนโตกว่า 1,366.23 ล้านบาท

ก็ต้องติดตามว่า PRIME จะแก้ไขสถานการณ์นี้ยังไง..?? 

ซึ่งทางรอดก็คงมีไม่กี่ทางหรอก…ทางรอดแรก คงหนีไม่พ้นการนำของเก่า (โรงไฟฟ้า) ออกมาเร่ขาย หลังจากเมื่อช่วงต้นปีได้ขายโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไต้หวัน รวม 7 บริษัท ขนาดกำลังการผลิตรวม 49.54 เมกะวัตต์ไปแล้ว…ได้เงินมาประมาณ 476.761 ล้านบาท ก็ยังไม่เพียงพอที่จะนำไปจ่ายหนี้…

แต่ในสถานการณ์ที่ PRIME ร้อนเงินจนร้อนรนอย่างนี้ ก็สุ่มเสี่ยงที่จะถูกกดราคาได้นะจิบอกให้…

ส่วนอีกทางรอด คงต้องหากลุ่มทุนใหม่เข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์…เพราะหากสามารถแก้ปัญหาสภาพคล่องได้ PRIME ก็น่าจะไปต่อได้…อย่างน้อย ๆ ยังมีโรงไฟฟ้ากำลังการผลิตติดตั้งรวมไม่น้อยกว่า 200 เมกะวัตต์ที่สร้างรายได้ต่อเนื่อง

ซึ่งจะมีกลุ่มทุนไหนเข้ามาอ๊ะป่าว..?? ยังไม่รู้

ว่าไปแล้วตั้งแต่เจอปมกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ถูกยึดหุ้นและนำออกมาประกาศเร่ขายทอดตลาด ก็ทำให้หุ้น PRIME เสียศูนย์จนกู่ไม่กลับมาจนถึงทุกวันนี้…ไหนจะราคาหุ้นที่นอนตายซากอยู่ก้นเหว 7 สตางค์ และตามด้วยปัญหาสภาพคล่องที่แก้ไม่ตกอีก…

น่าเห็นใจหุ้นไฟฟ้าตัวนี้ที่แรงไฟริบหรี่เต็มที…ซึ่งไม่รู้ไฟจะมอดวันไหน..??

…อิ อิ อิ…

Back to top button