JAS NT ช่วยจ่ายลิขสิทธิ์

นับถอยหลังเหลือไม่ถึง 2 สัปดาห์แล้วนะ หรือวันที่ 16 ส.ค.นี้ จะเป็นวันคิกออฟฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2025/26 ที่ JAS เล่นใหญ่ไฟกะพริบจัดงบก้อนโต 19,167.72 ล้านบาท คว้าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดมากอดได้...


นับถอยหลังเหลือไม่ถึง 2 สัปดาห์แล้วนะ หรือวันที่ 16 ส.ค.นี้ จะเป็นวันคิกออฟฟุตบอลพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2025/26 ที่บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เล่นใหญ่ไฟกะพริบจัดงบก้อนโต 19,167.72 ล้านบาท คว้าลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดมากอดได้…

นั่นหมายความว่า ตั้งแต่ไตรมาส 3/2568 เป็นต้นไป JAS จะเริ่มรับรู้รายได้จากการถ่ายทอดสดฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ อังกฤษแล้วนะสิ..!!

ทำนายว่าในวันนั้น หุ้น JAS และหุ้นพันธมิตรหลัก อย่างบริษัท โมโน เน็กซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ MONO รวมถึงบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC น่าจะวิ่งระเบิดเถิดเทิงอยู่หนา…ไม่เชื่อก็คอยดูละกัน

แต่ระหว่างรอเสียงนกหวีดเปิดฤดูกาลพรีเมียร์ลีก 2025/26 จากผู้ตัดสินนั้น…JAS เสิร์ฟข่าวดีก่อนเลย ด้วยการแจ้งข่าวชนะคดีเคเบิลใต้น้ำ หลังศาลปกครองสูงสุดไม่รับอุทธรณ์ของบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) NT กรณีพิพาทเรื่องส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาร่วมลงทุนสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำ (ฝั่งตะวันออก) ส่งผลให้ NT ต้องชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้น 5,128.28 ล้านบาท ให้แก่บริษัท จัสมิน ซับมารีน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด (JSTC) บริษัทลูกของ JAS ภายใน 60 วัน หรือภายในวันที่ 28 ก.ย. 2568

นั่นแปลว่าภายในวันที่ 28 ก.ย.นี้ JAS จะมีเงินสดพอกพูนกว่า 5,128.28 ล้านบาทเชียวหนา..!!

ช่วงปลายสัปดาห์ก่อนหุ้น JAS เลยกระดี๊กระด๊าผิดหูผิดตา อย่างเมื่อวันศุกร์ที่ 1 ส.ค. 2568 ราคากระโดดขึ้นไป 11.11% ปิดตลาดที่ 1.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่หนาแน่นกว่า 612.19 ล้านบาท ส่วนวานนี้ (4 ส.ค. 2568) เจอแรงขายทำกำไรไปตามระเบียบ (พัก) ส่งผลให้ราคาทรุดลงไป 3.53% ปิดตลาดที่ 1.64 บาท มูลค่าการซื้อขาย 189.31 ล้านบาท

ส่วนใครที่อยากรู้ที่มาที่ไปของคดีนี้ โน่นต้องเท้าความไปในช่วงปลายปี 2557 ซึ่ง JSTC ได้ยื่นเสนอข้อพิพาทตามสัญญาร่วมลงทุนสร้างโครงข่ายเคเบิลใต้น้ำ ระหว่าง JSTC กับทีโอที หรือ NT ในปัจจุบัน ต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ เรียกร้องให้ทีโอทีชำระเงินส่วนแบ่งรายได้ตามสัญญาเป็นจำนวน 3,395 ล้านบาท

ต่อมาในเดือน พ.ค. 2562 อนุญาโตฯ ชี้้ขาดให้ทีโอทีชำระยอดคงค้างทั้้งจำนวน 2,518 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้้ยจำนวน 877 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 3,395 ล้านบาท ให้กับ JSTC จากนั้นในวันที่่ 26 ก.ค. 2562 ทีโอทีได้ยื่่นคำร้องขอเพิกถอนคำชี้้ขาดของอนุญาโตฯ ต่อศาลปกครองกลาง 

ต่อมาเมื่่อวันที่่ 15 ก.พ. 2566 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้บังคับตามคำชี้้ขาดของอนุญาโตฯ ให้ทีโอทีชำระยอดคงค้างจำนวน 3,395 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้้ย 7.5% ต่อปีของเงินต้นจำนวน 2,518 ล้านบาท ซึ่งเมื่่อวันที่่ 15 มี.ค. 2566 ทีโอที ได้ยื่่นอุทธรณ์คำพิพากษาศาลปกครองกลางต่อศาลปกครองสูงสุด 

กระทั่งล่าสุดศาลปกครองสูงสุดไม่รับอุทธรณ์ NT ส่งผลให้ NT ต้องชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้น 5,128.28 ล้านบาท ให้แก่ JSTC นั่นแล…

เป็นการปิดฉากอีกหนึ่งคดีระหว่าง JAS กับ NT ที่ยืดเยื้อมากว่า 10 ปี..!! ส่วนคดีที่เหลือจะจบยังไง..?? โปรดติดตามตอนต่อไป

กลับมาที่การชนะคดีเคเบิลใต้น้ำ 5,128.28 ล้านบาท…นักลงทุนบางส่วนแอบคาดหวังว่า JAS จะนำเงินก้อนนี้มาคืนความสุขผู้ถือหุ้นด้วยการจ่ายเงินปันผลพิเศษอะป่าว..?? ซึ่งเป็นท่าไม้ตายที่ JAS มักทำเมื่อมีเงินพิเศษก้อนใหญ่เข้ามา…

แต่รอบนี้ผู้ถือหุ้นคงต้องกินแห้วกระป๋องเสียละมั้ง เพราะถูกประเมินว่า JAS จะนำเงินไปจ่ายค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกและเอฟเอ คัพ อังกฤษ ซึ่งมีภาระต้องจ่ายค่าลิขสิทธิ์ต่อฤดูกาลอยู่ที่ราว 3,160 ล้านบาท ก็จะมีเงินขวัญถุง 5,128.28 ล้านบาท มาจ่ายได้เลย…

  เรียกว่าตู๊ค่าลิขสิทธิ์ได้เกือบ 2 ฤดูกาลเลยทีเดียว..!!

ก็จะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับ JAS จากเดิมอาจต้องไปกู้แบงก์ทั้งก้อน ก็จะเหลือกู้แบงก์ไม่เยอะแล้วนะสิ…

แหม๊…ดู ๆ ไปเหมือน NT มาช่วยจ่ายค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกให้กับ JAS เลยนะเนี่ย ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นพันธมิตรแต่อย่างใด…

NT มาช่วยจ่ายด้วยความจำใจและจำยอม…ว่างั้น..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button