“ดาวโจนส์” ปิดลบ 224 จุด แรงขายถล่มหุ้น Eli Lilly ฉุดตลาด

แรงขายหุ้น Eli Lilly หลังผลการทดลองยาลดน้ำหนักไม่เป็นไปตามคาด กดดันดาวโจนส์และ S&P 500 ปรับตัวลง ขณะที่หุ้นเทคโนโลยีฟื้นตัว ผลักดัน Nasdaq ทะยานปิดระดับสูงสุดใหม่


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดการซื้อขายวันพฤหัสบดี (7 ส.ค.68) โดยดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ร่วงจากแรงขายหุ้น Eli Lilly หลังรายงานผลประกอบการต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีช่วยพยุงตลาดจากกระแสคาดการณ์ข้อยกเว้นภาษีชิป หนุน Nasdaq ทำสถิติสูงสุดใหม่

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 43,968.64 จุด ลดลง 224.48 จุด หรือ -0.51%
  • ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,340.00 จุด ลดลง 5.06 จุด หรือ -0.08%
  • ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 21,242.70 จุด เพิ่มขึ้น 73.27 จุด หรือ +0.35%

อีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งสัญญาณเตรียมเก็บภาษี 100% สำหรับเซมิคอนดักเตอร์ (ชิป) เว้นแต่บริษัทจะผลิตหรือมีแผนผลิตในสหรัฐฯ หนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้น Apple พุ่งขึ้น 3.2% หลังมีรายงานว่าบริษัทจะเพิ่มการลงทุนในสหรัฐฯ

ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการบังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้ากับสินค้าจากเกือบ 200 ประเทศ อัตรา 10% ถึง 50% มีผลตั้งแต่เวลา 12:01 น. ของวันที่ 7 สิงหาคม 2568 ตามเวลาฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ

ช่วงปลายตลาด หุ้นฟื้นตัวบางส่วนหลังทรัมป์เสนอชื่อ สตีเฟน มิราน ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ (Council of Economic Advisors) เข้ารับตำแหน่งในคณะกรรมการธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) แทน อาเดรียนา คูกเลอร์ ซึ่งลาออก โดยจะดำรงตำแหน่งจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2569

รอยเตอร์รายงานว่า คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ สมาชิกคณะกรรมการผู้ว่าการเฟด และสมาชิกถาวรของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) เป็นผู้มีแนวโน้มสูงสุดที่จะได้รับการเสนอชื่อเป็นประธานเฟดคนใหม่ โดยมีรายงานว่าได้พบกับคณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์แล้ว และต่างประทับใจกัน

Back to top button