
หุ้นยุโรปฟื้นแรง หลังข่าวดีการค้า–เฟดอาจลดดอกเบี้ย
นักลงทุนคลายความกังวล หลังสหรัฐฯ-จีน ขยายระยะยกเว้นภาษีศุลกากร พร้อมมีสัญญาณว่าเฟดอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ย ดันตลาดหุ้นยุโรปปรับขึ้นตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นยุโรปในวันอังคาร (12 ส.ค.68) ปิดบวก โดยได้รับแรงหนุนจากความหวังว่าความตึงเครียดทางการค้าจะผ่อนคลาย และธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด (Fed) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้
- ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 547.89 จุด เพิ่มขึ้น 1.13 จุด หรือ +0.21%
- ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,753.42 จุด เพิ่มขึ้น 54.90 จุด หรือ +0.71%
- ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 24,024.78 จุด ลดลง 56.56 จุด หรือ -0.23%
- ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 9,81 จุด เพิ่มขึ้น 18.10 จุด หรือ +0.20%
หุ้นกลุ่มพลังงานเป็นดาวเด่นของวัน ด้วยความแข็งแกร่งของราคาน้ำมันและความหวังในความร่วมมือระหว่างประเทศ ส่วนหุ้น Vestas Wind Systems ปรับตัวขึ้นแรงถึง +4.7% หลังได้รับคำสั่งซื้อจากสหรัฐฯ สำหรับโครงการที่ไม่เปิดเผยรายละเอียด
ในขณะเดียวกัน หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วง –2.1% เทียบระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคม โดยหุ้นซอฟต์แวร์เป็นกลุ่มที่โดนแรงกดดันมากที่สุด เนื่องจากความกังวลว่า AI อาจส่งผลกระทบต่อธุรกิจกลุ่มนี้
แรงส่งสำคัญมาจากข่าวดีทางการค้า เมื่อสหรัฐฯ และจีนตัดสินใจยืดระยะเวลาระงับการเรียกเก็บภาษีศุลกากรอีก 90 วัน ไปจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ขจัดความเสี่ยงของมาตรการภาษีแบบขั้นบันไดสูง และสร้างบรรยากาศเชิงบวกต่อเศรษฐกิจโลก
อีกด้าน ความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดยิ่งหนุนแรง หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อเดือนกรกฎาคมออกมาใกล้เคียงกับคาดการณ์ ซึ่งชี้ว่าความกดดันด้านราคาอาจบรรเทาลง
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการพบกันในวันศุกร์ (15 ส.ค.68) ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่อลาสก้า เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามรัสเซีย–ยูเครน โดยทรัมป์เปิดกว้างต่อแนวคิด “land swapping” หรือการสลับพื้นที่เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงสันติภาพ ขณะที่ยังไม่มีการยืนยันวันเวลาการพบตัวต่อตัวกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน แม้ผู้นำยุโรปและ NATO สนับสนุนให้เข้าร่วมการพูดคุย