
TACC วิ่ง 4% รับกำไรไตรมาส 2 โตแตะ 79 ล้าน เคาะปันผล 0.21 บ.
TACC บวก 4% โชว์ผลงาน Q2 รายได้จากการขาย 577.68 ล้านบาท กำไรสุทธิ 79.05 ล้านบาท จ่ายเงินปันผล 0.21 บ./หุ้น เตรียมรับทรัพย์ 5 ก.ย. นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ราคาหุ้น บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC ณ เวลา 11:39 น. อยู่ที่ระดับ 5.10 บาท บวก 0.18 บาท หรือ 3.66% สูงสุดที่ระดับ 5.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 5.05 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 19.06 ล้านบาท
นายชัชชวี วัฒนสุข ประธานกรรมการบริหาร TACC เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 577.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.99 ล้านบาท คิดเป็น 16.07% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีรายได้จาการขาย 497.69 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 79.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.70 ล้านบาท หรือ 15.66% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 68.35 ล้านบาท
ขณะที่งวด 6 เดือนแรกปี 2568 บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 1,107.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 152.02 ล้านบาท คิดเป็น 15.91% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขาย 955.63 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 152.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.44 ล้านบาท หรือ 18.20% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 128.72 ล้านบาท
ทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการพัฒนาสินค้าใหม่ออกสู่ตลาดร่วมกับ 7-Eleven ในฐานะ Key Strategic Partner ทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงปริมาณการบริโภคในประเทศและเป็นฤดูกาลของการขายเครื่องดื่ม อีกทั้งกระแสความนิยมของเครื่องดื่มชาไทยและชาเขียวในกลุ่มผู้บริโภคที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง จึงช่วยผลักดันยอดขายเพิ่ม รวมไปถึงการขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในส่วนของ B2B และ B2C เพื่อรองรับความต้องการของผู้บริโภค รวมทั้งการบริหารจัดการต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2568 ได้มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นเป็นเงินสด ในอัตราหุ้นละ 0.21 บาท รวมเป็นเงินปันผลทั้งสิ้น 126 ล้านบาท และกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 25 สิงหาคม 2568 และกำหนดจ่ายเงินปันผลวันที่ 5 กันยายน 2568
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปี 2568 มีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรกทั้งในส่วนของธุรกิจ B2B (7-Eleven) และ B2C (Non 7-Eleven) โดยบริษัทฯ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้า Core Menu และ New Menu รวมถึงออกสินค้าใหม่ร่วมกันในฐานะ Key Strategic Partner ทั้งเครื่องดื่มเย็นในโถกด (7-Select) และเครื่องดื่ม Non-Coffee Menu ใน All Café พร้อมกับยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจที่มาจากการ M&A และ JV เพื่อเป็น New S-Curve และการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการบริหารงานให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ผลักดันการใช้แนวคิด ESG เป็นแนวคิดสำคัญในการดำเนินธุรกิจ เพื่อพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน ร่วมกับการให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านต้นทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมั่นใจว่าจะสนับสนุนรายได้รวมปี 2568 ทะลุ 2,000 ล้านบาท เติบโตไม่น้อยกว่า 10%