
SAMART อวดกำไร Q2 พุ่ง 187% ตุนแบ็กล็อกทะลุ 1.56 หมื่นล้าน หนุนรายได้โตต่อ
SAMART โชว์ผลงาน Q2/68 รายได้ 2,401 ล้านบาท กำไร 160 ล้านบาท โตแรงทุกธุรกิจหนุนงานในมือ 1.56 หมื่นลบ. รับรู้รายได้ยาวถึงปี 72 พร้อมลุ้นคว้างานใหม่ภาครัฐ-เอกชนกว่า 2.5 หมื่นลบ.
นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ รองประธานกรรมการบริหาร ฝ่ายกลยุทธ์องค์กรและพัฒนาธุรกิจใหม่ บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2568 ของบริษัทเป็นที่น่าพอใจ โดยทุกสายธุรกิจมีแนวโน้มเติบโต ส่งผลให้มีรายได้รวม 2,401 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 297 ล้านบาท หรือ 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไร 160 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 343 ล้านบาท หรือ 187% จากปีก่อน เนื่องจากปีก่อนมีการรับรู้ผลขาดทุนจากการประมาณการหนี้สินระยะยาวกรณีข้อพิพาทกับคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ครั้งที่ 13 และการกีฬาแห่งประเทศไทย จำนวน 283 ล้านบาท อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจากการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ
รวมครึ่งปีแรก บริษัทมีรายได้ 5,298 ล้านบาท และมีกำไร 215 ล้านบาท เติบโตกว่า 267% โดยปัจจุบันกลุ่มสามารถมีมูลค่างานในมือ (Backlog) รวม 15,600 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องไปอีกประมาณ 5 ปี หรือถึงปี 2572
ทั้งนี้ ในส่วนผลการดำเนินงานของแต่ละสายธุรกิจ ไตรมาส 2/2568 สายธุรกิจ Digital ICT Solutions (SAMTEL) มีรายได้รวม 1,005 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 33 ล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 86 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนกว่า 220% พร้อมคว้างานรวมกว่า 5,000 ล้านบาท และมี Backlog 8,500 ล้านบาท โดยในครึ่งปีหลังเตรียมเข้าประมูลงานใหญ่ทั้งภาครัฐและเอกชนรวมมูลค่าราว 25,000 ล้านบาท เพื่อเพิ่มรายได้แบบ Recurring Income
สายธุรกิจ Utilities and Transportations มีรายได้รวม 1,262 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13 ล้านบาท หรือ 1% จากปีก่อน โดยบริษัท สามารถ เอวิเอชั่น โซลูชั่นส์ จำกัด (มหาชน) (SAV) ผู้ให้บริการจัดการการจราจรทางอากาศในกัมพูชา มีรายได้เพิ่มขึ้น 37 ล้านบาท จากจำนวนเที่ยวบิน 30,292 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 23% แม้ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนตามฤดูกาล แต่แนวโน้มการบินผ่านน่านฟ้ายังคงเติบโตจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในเวียดนามและมาเลเซีย รวมถึงการกลับมาให้บริการของสายการบินรุ่นลี่แอร์ไลน์สจากจีน คาดครึ่งปีหลังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากการเปิดสนามบินแห่งชาติ “เตโช” ที่รองรับผู้โดยสารได้ 13 ล้านคนต่อปี ขณะที่สถานการณ์ชายแดนไม่กระทบการดำเนินงาน เนื่องจากธุรกิจมีความจำเป็นเชิงโครงสร้างและใช้บุคลากรท้องถิ่นถึง 99%
ในส่วนของบริษัท เทด้า จำกัด ซึ่งดำเนินธุรกิจก่อสร้างโครงการสายส่งและสถานีไฟฟ้าแรงสูง มีรายได้รวม 477 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45 ล้านบาท หรือ 10% จากปีก่อน ล่าสุดได้รับงานก่อสร้างมูลค่ารวมกว่า 1,800 ล้านบาท รวมทั้งโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ส่งผลให้สายธุรกิจนี้มี Backlog 6,372 ล้านบาท
ด้านสายธุรกิจ Digital Communications (SDC) มีรายได้รวมกว่า 141 ล้านบาท และมีกำไร 15 ล้านบาท
นายวัฒน์ชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ปีนี้บริษัทมีโอกาสสร้างรายได้แตะ 12,000–13,000 ล้านบาท โดยไตรมาสแรกมีรายได้ 2,897 ล้านบาท และไตรมาส 2 มีรายได้ 2,401 ล้านบาท ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าทุกสายธุรกิจจะเติบโตต่อเนื่อง พร้อมรับรู้รายได้อีก 6,000–7,000 ล้านบาทจากงานในมือที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงโอกาสได้รับโครงการใหม่จากภาครัฐที่มีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม