สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจวันนี้

สรุปปัจจัยสำคัญตลาดทุน-การเงิน-เศรษฐกิจประจำวันที่ 7 มี.ค.59


– ปิดตลาดเย็นนี้ เงินเยนอยู่ที่ระดับ 113.50/53 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 113.67/70 เยน/ดอลลาร์

– ส่วนเงินยูโร เย็นนี้อยู่ที่ระดับ 1.0954/0956 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.0983/0989 ดอลลาร์/ยูโร

– ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,395.75 เพิ่มขึ้น 16.22 จุด (+1.18%) โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 62,112 ล้านบาท

– สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 833.67 ล้านบาท (SET+MAI)

 

– นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังหารือกับสุลต่านอาเหม็ด บิน สุลาเยม ประธานกรรมการบริษัท DP World จำกัด ว่า ขณะนี้ผลตอบแทนเงินลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลกลดต่ำลง อัตราดอกเบี้ยเงินฝากหลายประเทศอยู่ระดับต่ำ เช่น ญี่ปุ่นมีดอกเบี้ยแทบติดลบ ทำให้หลายประเทศที่มีกำลังเงินลงทุนสูง นำเงินลงทุนออกไปแสวงหาช่องทางการลงทุนในต่างประเทศ และขณะนี้มีนักลงทุนหลายประเทศเข้ามาเจรจาลงทุนในประเทศไทยถือเป็นโอกาสของไทยในช่วงเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่มีหลายประเทศเข้ามาเจรจาการลงทุนจึงจำเป็นต้องทำตัวเองให้เกิดความเชื่อมั่นในสายตาต่างชาติ

– นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเขตเศรษฐกิจพิเศษ ได้เห็นชอบให้มีการจัดตั้งสำนักงานขับเคลื่อนการบริหารงานเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อขับเคลื่อนและบริหารจัดการในเขตเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้งหมด

– นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ได้สั่งการให้กระทรวงการคลังไปศึกษามาตรการกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย เช่น เกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ รวมทั้งข้าราชการ ลูกจ้าง และผู้ใช้แรงงานที่มีรายได้น้อยว่าจะสามารถใส่เงินเข้าไปในระบบผ่านกลุ่มคนเหล่านี้อย่างไร เพื่อให้เกิดการใช้จ่ายในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า และขอให้มีข้อสรุปภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ก่อนจะออกมาเป็นมาตรการต่อไป

– นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คาดว่าปีนี้ต่างชาติจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น โดยเชื่อว่าทั้งปีจะมีตัวเลขเป็นซื้อสุทธิ จากปีก่อนที่ต่างชาติขายสุทธิไปราว 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันมียอดซื้อสุทธิเข้ามาแล้ว 5.8 พันล้านบาท โดยมองว่าเป็นผลมาจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาค่อนข้างดี โดยกำไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียนในปี 58 ที่ผ่านมาติดลบเพียง 1.3% แต่อย่างไรก็ตาม หากตัดผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจด้านน้ำมัน ปิโตรเคมี จะส่งผลให้บริษัทจดทะเบียนมีกำไรสุทธิเติบโต 5.95% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ดีที่สุดในอาเซียน

– นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในเรื่องการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (Trans-Pacific partnership: TPP) นั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าไทยคงจะเข้าร่วมเจรจากในการเข้าเป็นสมาชิก TPP แต่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการศึกษาเตรียมการรองรับประเด็นต่างๆ

– นายหลู จีเหว่ย รมว.คลังจีน เปิดเผยว่า กลไกตลาดและการสนับสนุนจากรัฐบาล อาจช่วยให้จีนสามารถจัดการหนี้เสียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยได้เป็นอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมระบุว่า ความวิตกเกี่ยวกับการปรับตัวขึ้นของหนี้เสียนั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากความไม่เชื่อมั่นในสถานะของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในธนาคารต่างๆ ของกระทรวง แต่เป็นเรื่องความสำคัญของธนาคารที่มีต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจของประเทศ

ทั้งนี้ คณะกรรมการกำกับดูแลภาคธนาคารจีน (CBRC) เปิดเผยว่า ภาคธนาคารของจีนมีสัดส่วนหนี้เสียเพิ่มขึ้นเล็กน้อยสู่ระดับ 1.67% ในปี 2558 คิดเป็นมูลค่า 1.27 ล้านล้านหยวน (1.95 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีสัดส่วนหนี้เสีย 1.64%

– รมว.คลังจีน เปิดเผยว่า จีนเสร็จสิ้นการวางแผนปฏิรูปภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาแล้ว และจะยื่นต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อพิจารณาในปีนี้ โดยการปฏิรูปภาษีเงินได้บุคคลธรรมดานั้นไม่ได้มุ่งเน้นเพียงประเด็นพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงรายรับและรายจ่ายทั้งหมด อาทิ สินเชื่อที่อยู่อาศัย, ค่าใช้จ่ายในการศึกษา, การศึกษาของเด็ก และการดูแลผู้สูงอายุ

– ธนาคารเพื่อการชำระบัญชีระหว่างประเทศ (BIS) เปิดเผยในรายงานตลาดเงินประจำไตรมาสว่า การใช้นโยบายดอกเบี้ยติดลบอาจไม่ได้ผลตามที่คาดหวังไว้ และอาจส่งผลกระทบตามมา รายงานยังระบุว่านอกเหนือจากความปั่นป่วนที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาแล้ว ตลาดยังวิตกว่าธนาคารกลางของหลายประเทศอาจไม่สามารถหานโยบายดีๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ทั้งยังไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแน่นอนว่าบุคคลทั่วไปและภาคสถาบันจะมีการตอบรับอย่างไร หากมีการปรับดอกเบี้ยลดลงอีก

 

ที่มา: สำนักข่าวอินโฟเควสท์

Back to top button